สว.ชิบ ชี้ 2 วิกฤตทีวีดิจิทัล – เสนอ 2 ทางรอด ก่อนอุตสาหกรรมสื่อถึงทางตัน

นายชิบ จิตนิยม สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กลุ่มสื่อสารมวลชน และโฆษกคณะกรรมาธิการการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม ระบุว่า อุตสาหกรรมทีวีดิจิทัล ซึ่งเป็น “เส้นเลือดใหญ่” ของภาคสร้างสรรค์และช่องทางหลักในการสื่อสารนโยบายรัฐสู่ประชาชน กำลังเผชิญ 2 วิกฤตเร่งด่วน ที่ต้องได้รับการแก้ไขโดยด่วนจาก กสทช. พร้อมเสนอ 2 ข้อเสนอเชิงนโยบาย เพื่อรักษาความยั่งยืนของอุตสาหกรรมและสิทธิการรับชมของประชาชน
วิกฤตแรก คือปัญหาใบอนุญาตที่กำลังจะหมดอายุ ตาม พ.ร.บ. ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 ใบอนุญาตทีวีดิจิทัลภาคเอกชนจะสิ้นสุดในปี 2572 และกำหนดให้ “ประมูล” ใหม่ ทั้งที่แนวทางนี้อาจไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
“จนถึงขณะนี้ กสทช. ยังไม่ประกาศทิศทางที่ชัดเจน หากปล่อยให้เกิดภาวะสุญญากาศ จะกระทบอุตสาหกรรมสื่ออย่างรุนแรง” นายชิบ กล่าว
วิกฤตที่สอง คือความเสี่ยง “จอดำ” จากการเปลี่ยนแปลงการใช้คลื่นความถี่ 3500 MHz ซึ่งเดิมถูกจัดเป็นช่องว่าง (Guard Band) เพื่อป้องกันการรบกวนระหว่างระบบโทรคมนาคมกับสัญญาณดาวเทียม C-Band (3700–4200 MHz)
ทั้งนี้ ประชาชนกว่า 70% ยังรับชมฟรีทีวีผ่านจานดาวเทียม C-Band หากไม่มีมาตรการป้องกันที่เหมาะสม อาจทำให้เกิดการรบกวนสัญญาณ ส่งผลให้ “จอดำ” และกระทบครัวเรือนนับสิบล้านที่พึ่งพาการรับชมข่าวสารพื้นฐาน
สว.ชิบ ยังเสนอแนวทางแก้ไข 2 ด้านเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรม
ข้อเสนอแรก คือการทบทวนรูปแบบการจัดสรรใบอนุญาต แทนการประมูลแบบเดิมที่อาจไม่สะท้อนมูลค่าจริงของอุตสาหกรรมสื่อ เขาเสนอให้ขยายอายุใบอนุญาตให้ผู้ประกอบการเดิมที่มีศักยภาพอย่างน้อย 5 ปี เพื่อรักษาความต่อเนื่อง ส่วนผู้ประกอบการรายใหม่ควรคัดเลือกจากคุณภาพแผนธุรกิจและเนื้อหา ไม่ใช่แค่ราคาประมูล
ข้อเสนอที่สอง คือการลดภาระต้นทุนให้ผู้ประกอบการ เพื่อให้มีงบประมาณลงทุนผลิตคอนเทนต์คุณภาพ ซึ่งจะส่งผลดีต่อทั้งอุตสาหกรรมและสังคม
“การรักษาอุตสาหกรรมสื่อคือการรักษาเครื่องมือสื่อสารหลักของประเทศ ผมหวังว่า กสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งกำหนดนโยบายที่ชัดเจน เพื่อคุ้มครองทั้งสิทธิของประชาชนและอนาคตของสื่อไทย” สว.ชิบ กล่าว