เมื่อ : 08 ม.ค. 2568

 เมื่อวันที่  8 ม.ค. พญ.เพชรดาว โต๊ะมีนา ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) ให้สัมภาษณ์ว่า ได้มีโอกาสชมการแสดงของวงปล่อยแก่ที่อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย จ.นครราชสีมา จัดโดยมูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข ที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) ทำให้ได้เห็นความสามารถของผู้สูงอายุ ขณะที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว ฉะนั้นน่าจะมีกิจกรรมอย่างวง “ปล่อยแก่” ทุกจังหวัดทั่วประเทศ และควรจะได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างยิ่ง

  ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการวช. กล่าวว่า ผลการวิจัยเบื้องต้นพบว่าผู้สูงอายุที่เข้าร่วมโครงการ”วงปล่อยแก่ ภาคส่งเสริมต่อยอดสู่วัยเกษียณอย่างมีพลัง”ของมูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข ที่วช.สนับสนุนนั้น มีระดับความสุขและความพึงพอใจในชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และจากผลการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ พบว่าโครงการ”วงปล่อยแก่” มีส่วนช่วยลดระดับความเครียดและภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังส่งผลเกิดการสร้างเครือข่ายทางสังคมที่เข้มแข็ง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนการดูแลตนเองและการอยู่ร่วมกันในสังคมของผู้สูงอายุ

  รศ.ดร.สุกรี เจริญสุข ประธานมูลนิธิอาจารย์สุกรีฯ  และผู้อำนวยการวงปล่อยแก่ ให้สัมภาษณ์ว่า วงปล่อยแก่ตั้งมาเมื่อปี 2562 สนับสนุนโดยมูลนิธิตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต่อมาได้รับทุนวิจัยจาก วช. ปัจจุบันจัดตั้งวงปล่อยแก่ได้ 13 วง จาก 12 จังหวัด มีสมาชิก 1400 กว่าคน อายุมากสุด 85 ปี เป้าหมายของการจัดตั้งวงปล่อยแก่เพื่อเตือนสติหน่วยงานรัฐให้ทำสิ่งดีๆอย่าลืมหรือละเลยคนแก่ เนื่องจากกิจกรรมร้องเพลงมีผลดีต่อสภาพร่างกาย และจิตใจ ทำให้ผู้สูงอายุปลดปล่อยพลังภายในที่มีอยู่  เหนือสิ่งอื่นใดมาร้องเพลงแล้วเกิดความสุขมากมายมหาศาล กลับมาเป็นหนุ่มเป็นสาวอีกครั้ง บางคนลืมหรือหายจากโรคที่เป็นอยู่ก็มี มีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น เห็นคุณค่าของตนเอง และส่งผลให้เกิดผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมไทยอย่างมาก

 รศ.ดร.สุกรี กล่าวว่า ในเดือนสิงหาคมปีนี้ วงปล่อยแก่ประเทศไทยได้รับเชิญจากประเทศอินโดนีเซียให้ไปร่วมแข่งขันขับร้องเพลงประสานเสียงนานาชาติครั้งที่ 14 ที่เกาะบาหลี ณ เวลานี้ถือว่าวงปล่อยแก่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง แม้จะได้รับรางวัลหรือไม่ก็ตาม เพราะวงปล่อยแก่ไม่ได้ต้องการชัยชนะหรือถ้วยรางวัลใดๆ เนื่องจากผู้สูงอายุต่างเคยผ่านจุดเหล่านั้นมาแล้ว วัตถุประสงค์ที่ไปแข่งขันระดับนานาชาติเพียงอยากสร้างราคาความน่าเชื่อถือให้กับวง และทำให้สมาชิกวงปล่อยแก่มีความสุขเท่านั้น

  “ขณะนี้คัดเลือกสมาชิกวงปล่อยแก่ที่สมัครเข้ามาร้อยกว่าคนให้เหลือ 31 คนเรียบร้อยแล้ว เพื่อไปแข่งขันร้องเพลงประสานเสียงที่ประเทศอินโดนีเซีย เน้นผู้สูงวัยที่มีสุขภาพดี ไม่มีโรคประจำตัว ช่วยเหลือตัวเองได้ และร้องเพลงไพเราะระดับหนึ่ง เนื่องจากทุกคนเพิ่งมาหัดร้องเพลงตอนอายุมาก ไม่เหมือนนักร้องอาชีพที่เรียนและหัดร้องเพลงตั้งแต่อายุยังน้อย”รศ.ดร.สุกรีกล่าวและว่าวัตถุประสงค์สำคัญของวงปล่อยแก่คือให้ทุกคนมีความสุข

   นางสุพินดา มโนมัยพิบูลย์  ผู้จัดการมูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข   กล่าวว่า ในการจัดกิจกรรมประลองยอดฝีมือเยาวชนดนตรี ครั้งที่ 2 ประจำปี พ.ศ. 2568”  ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากวช. วงปล่อยแก่จากจังหวัดต่างๆก็ร่วมแสดงด้วย ทั้งที่อุทยานประวัติศาสตร์พิมายและที่ปราสาทเมืองต่ำ จังหวัดบุรีรัมย์ ในวันที่ 23 มกราคมที่จะถึงนี้ โดยก่อนขึ้นเวทีจะมีการซ้อมก่อนทุกครั้ง

 นางสุพินดา กล่าวต่อว่า วงปล่อยแก่เปิดโอกาสให้คนอายุ50ปีขึ้นไปมาสมัครเป็นสมาชิก สำหรับวงต้นแบบคือ วงปล่อยแก่ที่อำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเพราะเป็นการรวมตัวของผู้สูงอายุทุกอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการเกษียณอายุ แม่บ้าน ชาวบ้าน และเกษตรกรฯลฯ จากนั้นขยายไปยังจังหวัดต่างๆอาทิยะลาลำปางเชียงใหม่เชียงรายอุดรธานีบุรีรัมย์นครสวรรค์ภูเก็ตสุราษฎร์ธานีนครราชสีมา และกรุงเทพมหานคร

“เราใช้ดนตรีในการเชื่อมโยงคนเข้ามาด้วยกันอย่างแท้จริง ซึ่งในแต่ละพื้นที่มีความหลากหลายอาชีพ หลากหลายระดับ การทำวงปล่อยแก่เป็นการทลายกำแพง โดยใช้เพลงเป็นสื่อกลาง จะเห็นได้ว่าทั้งชาวบ้าน ข้าราชการ พ่อค้าแม่ค้า คนเหล่านี้สามารถมารวมตัวกันได้ หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมถึงเป็นการร้องประสานเสียง ก็เพราะสามารถจูนคนเข้ามาร่วมทำกิจกรรมร่วมกันได้ง่าย” น.ส.สุพินดากล่าวและว่า เป็นที่น่ายินดีเมื่อปีที่แล้วในงานมหกรรมขับร้องประสานเสียงนานาชาติแห่งประเทศไทย วงปล่อยแก่ของไทยก็ได้รับรางวัลเหรียญเงิน


 ผู้จัดการมูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข กล่าวอีกว่า นอกจากจัดตั้งวงปล่อยแก่ตามจังหวัดต่างๆที่มีความพร้อม และส่งครูไปสอนแล้ว ทางมูลนิธิฯ ยังผลักดันให้ผู้สูงวัยได้มีพื้นที่ในการแสดง ที่สำคัญกลุ่มผู้สูงอายุเหล่านี้ยังเป็นตัวอย่างเป็นโมเดลให้กับผู้สูงอายุกลุ่มอื่นๆได้เห็นถึงความมีชีวิตชีวา พลังวังชาที่เกษียณฯไปแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องรอให้อายุโรยรา ซึ่งในช่วงแรกนั้นทางมูลนิธิฯเริ่มจากโครงการดนตรีพลังบวก “วงปล่อยแก่” ที่สนับสนุนโดยมูลนิธิตลาดหลักทรัพย์ ต่อมาเป็นโครงการ”วงปล่อยแก่ ภาคส่งเสริมต่อยอดสู่วัยเกษียณอย่างมีพลัง” ภายใต้การสนับสนุนขอวช. นับตั้งแต่เริ่มต้นโครงการจนถึงปัจจุบันอยู่ในระยะที่3แล้ว เมื่อผลงานวิจัยออกมาจะได้ทั้งในรูปแบบของต้นแบบและคู่มือนวัตกรรมต่างๆที่จะช่วยหนุนเสริมให้กับวงปล่อยแก่น้องใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้นำไปใช้

 
 ด้านนายอัทธ์ เสมาพงศ์ อายุ 62 ปี หัวหน้าวงปล่อยแก่วช. กล่าวว่า  วัตถุประสงค์ที่ตั้งวงปล่อยแก่นี้ขึ้นมาเพื่อให้ผู้เกษียณฯได้มาพบเจอกัน ได้มาฝึกสมาธิ มาฝึกร้องเพลง มาฝึกสมองให้มีความจำ มีความสุขทางสุขภาพจิต ซึ่งที่ผ่านมาวงปล่อยแก่ของวช. ได้รับเกียรติให้ไปแสดงหลายที่ เช่น บุรีรัมย์ อยุธยา ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ และงานนักประดิษฐ์ของวช.

  “ถือว่าการตั้งวงปล่อยแก่เป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์และมีคุณค่ามาก อยากเชิญชวนผู้ที่ยังไม่เกษียณ หรือใกล้ๆเกษียณหรือเกษียณแล้วให้ลองมาร่วมวงปล่อยแก่ รับรองจะได้อะไรหลายๆอย่างแน่นอน นอกจากนี้ผมเองยังได้สมัครเข้าร่วมแข่งขันในการร้องเพลงประสานเสียงระดับนานาชาติที่อินโดนีเซียด้วย และผ่านการคัดเลือกในจำนวนทั้งหมด 31 คนจากสมาชิกวงปล่อยแก่ที่สมัครมา100 กว่าคน หลังจากเดือนมกราคมเป็นต้นไป จะมีการซ้อม ฉะนั้นต้องฟิตร่างกายให้พร้อม ส่วนตัวผมเองออกกำลังกายเป็นประจำอยู่แล้ว”

 ทางด้านนางบรรจง ศรีทองแท้ วัย 74 ปี สมาชิกวงปล่อยแก่วช. อีกคน ที่ผ่านการคัดเลือกเพื่อเข้าร่วมแข่งขันร้องประสานเสียงเวทีนานาชาติที่ประเทศอินโดนีเซีย กล่าวว่า ตอนแรกไม่คิดว่าจะผ่านการคัดเลือก รู้สึกดีใจมาก และได้ถามลูกๆต่างบอกให้ไปเปิดประสบการณ์  ซึ่งตนเองเข้าร่วมวงปล่อยแก่ของวช.มา2 ปี มีความสุขมากเพราะเป็นคนชอบร้องเพลงอยู่แล้ว ที่ผ่านมาอยู่แต่บ้านไม่ได้ไปไหน พอมาอยู่ปล่อยแก่เหมือนได้เติมเต็มชีวิต ได้ไปรวมกลุ่มพบปะกับเพื่อนๆ ทำให้หายเหงาและมีกิจกรรมที่ชอบ ควรขยายวงปล่อยแก่ไปตามจังหวัดต่างๆให้มากขึ้น เพราะมีผู้สูงอายุจำนวนมากที่เหงาเพราะอยู่แต่ในบ้าน ไม่ได้ออกไปทำกิจกรรมอะไรข้างนอก

ติดตามได้ที่
Facebook  : วงปล่อยแก่ letsbeyoung  
Tiktok : letsbeyoung20
Youtube : Sugree Charoensook Foundation