“THAI FIGHT คาดเชือก นายขนมต้ม” ณ อยุธยา : ศึกมวยไทยระดับโลก ท่ามกลางมนต์เสน่ห์แห่งกรุงเก่า สืบสานตำนานวีรชนไทย พร้อมผลักดัน Soft Power ไทยสู่เวทีสากล

เมื่อวันที่ 16 มี.ค. น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) มอบหมายให้น.ส.พลอย ธนิกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำวธ. เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันชกมวยคาดเชือก “THAI FIGHT นายขนมต้ม” ที่ลานกิจกรรมมูลนิธิหลวงพ่อรวย ปาสาทิโก อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีน.ส.เพชรรัตน์ สายทอง ผู้ตรวจราชการวธ. น.ส.ลิปิการ์ กำลังชัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม นายนพพร วาทิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยไฟท์ จำกัด นายธีรศักดิ์ โฉมศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายอนุพันธ์ ยุวนบุณย์ นายอำเภอภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา คณะผู้บริหารและบุคลากรสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม เข้าร่วมพิธี

ต่อมาในเวลา 20.00 น. วันเดียวกัน น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล ได้ร่วมเป็นเกียรติในงานและรับชมการแข่งขันชกมวยไทยโลก “THAI FIGHT คาดเชือก นายขนมต้ม” พร้อมส่งกำลังใจให้กับนักมวยไทยและนานาชาติที่เข้าร่วมการแข่งขันอย่างคึกคัก โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของมวยไทยในฐานะศิลปะการต่อสู้ประจำชาติที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์และเผยแพร่สู่ระดับโลก
น.ส. สุดาวรรณ กล่าวว่า การจัดงานการแข่งขันชกมวยไทยโลก “THAI FIGHT คาดเชือก นายขนมต้ม” มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมรำลึก “วันนักมวย” วีรชนไทยนายขนมต้ม ซึ่งตรงกับวันที่ 17 มี.ค. ของทุกปี
อีกทั้งเพื่อเผยแพร่มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมให้เป็นที่รับรู้อย่างกว้างขวาง สำหรับการจัดงานการแข่งขันชกมวยไทยโลก “THAI FIGHT คาดเชือก นายขนมต้ม” ในครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนและบูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กับบริษัท ไทยไฟท์ จำกัด ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนในจ.พระนครศรีอยุธยา ภายใต้แนวคิด “THAI FIGHT SOFT POWER 5F เสน่ห์ของวัฒนธรรมไทย” อันจะเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันทุนทางวัฒนธรรมที่มีอยู่ในประเทศไทยให้เกิดการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ อีกทั้งก่อให้เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจในท้องถิ่นให้มีความคึกคักและเติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การกระจายรายได้สู่ชุมชน และการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้แก่ผู้ประกอบการในท้องถิ่นอีกด้วย

“มวยไทย” ถือเป็นศิลปะการต่อสู้และการป้องกันตัวของไทยที่ได้ถูกประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติเมื่อวันที่ 30 ก.ค. 2553 ประกอบกับรัฐบาลมีนโยบายที่จะให้มวยไทยเป็น Soft Power ในการเผยแพร่วัฒนธรรมและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ จึงส่งเสริมให้มีการจัดการแข่งขันกีฬามวยไทย ถ่ายทอดวิชามวยไทยศิลปะการต่อสู้ประจำชาติไทย เพื่อเป็นการเผยแพร่มรดกทางวัฒนธรรมของไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ สร้างความภาคภูมิใจในเอกลักษณ์ของชาติ และกระตุ้นให้เกิดการอนุรักษ์ สืบสาน และพัฒนากีฬามวยไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ อันจะนำไปสู่การยกระดับมวยไทยให้เป็นกีฬาสากลที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก

น.ส.สุดาวรรณ กล่าวอีกว่า วธ. มุ่งส่งเสริมวัฒนธรรมให้เป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยสืบสาน อนุรักษ์ และต่อยอดทุนทางวัฒนธรรมไทยให้เกิดมิติใหม่ที่สร้างทั้งคุณค่าทางสังคมและมูลค่าทางเศรษฐกิจ พร้อมผลักดัน Soft Power ไทยในมิติของวัฒนธรรม เศรษฐกิจ และสังคมอย่างยั่งยืนนอกจากนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญกับ ”Soft Power วิถีไทย ครองใจคนทั้งโลก” โดยในปี 2568 กระทรวงวัฒนธรรมมีนโยบายให้หน่วยงานในสังกัดเดินหน้าส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่างเต็มศักยภาพ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติและสนับสนุนผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมไทยให้เติบโตในระดับโลก พร้อมทั้งผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่ 1 ใน 25 ประเทศที่มีอิทธิพลด้าน Soft Power ทางวัฒนธรรม
#การแข่งขันชกมวยคาดเชือก “THAI FIGHT นายขนมต้ม” #กระทรวงวัฒนธรรม#
แนวคิด “THAI FIGHT SOFT POWER 5F เสน่ห์ของวัฒนธรรมไทย”
