ผอ.วช.ชื่นชม 4 วงดนตรีเยาวชนจาก 4 ภาค ร่วมเวทีประลอง ยกนิ้ว“วงทาลึง”จากม.มหาสารคาม คว้ารางวัลชนะเลิศ ได้รับถ้วยพระราชทานกรมสมเด็จพระเทพฯ หลังเคยได้รางวัลที่1 จากญี่ปุ่นมาแล้ว พร้อมต่อยอดทำอัลบั้มเพลงอีสาน

เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีจัดประกวดเวที “ประลองยอดฝีมือเยาวชนดนตรี ครั้งที่ 3 ประจำปี พ.ศ. 2569” รอบชิงชนะเลิศ ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จัดโดยมูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข ร่วมกับวช. เมื่อเร็วๆนี้ ที่อาคารโรงละครประเสริฐ ณ นคร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ว่า ในฐานะ วช. ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) ได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมศักยภาพของเยาวชนไทยในหลากหลายด้าน ซึ่งดนตรีก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่ให้ความสำคัญและเป็นโอกาสใหม่ๆของเยาวชนไทย โดยวช.ได้ร่วมกับมูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข และสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส จัดโครงการสนับสนุนโครงการเยาวชนดนตรีขึ้นเป็นปีที่ 3 ปีนี้มีผู้เข้าแข่งขันมากกว่า 40 วง และ”วงทะลึง” คว้ารางวัลชนะเลิศ ได้รับถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง รวมถึงอีก 3 วงที่เข้ารอบสุดท้ายก็ล้วนน่าชื่นชมเช่นกัน

“การจัดประกวดครั้งนี้นับเป็นแรงบันดาลใจให้เยาวชนรุ่นต่อไปเพราะได้เห็นรุ่นพี่สร้างสรรค์ผลงานด้านดนตรีที่ผสมผสานระหว่างวงดนตรีไทยซิมโฟนี ออร์เคสตรา กับดนตรีท้องถิ่น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการวิจัยและนวัตกรรมสามารถเกิดขึ้นได้ในงานดนตรี ทั้งนี้วช. ขอเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนและภาคภูมิใจกับน้องๆ ทุกคนที่ได้รับรางวัล โดยผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจะมีโอกาสเข้าร่วมเวทีระดับประเทศ เช่น งานวันนักประดิษฐ์ และเวทีระดับนานาชาติอื่นๆ ซึ่ง วช. และมูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข จะร่วมกันสนับสนุนให้เกิดการนำเสนอผลงาน และสร้างสรรค์ดนตรีไทยที่ผสมผสานกับดนตรีสากลนี้ต่อไป”

รศ.ดร.สุกรี เจริญสุข ประธานมูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข กล่าวว่า โครงการประลองยอดฝีมือเยาวชนดนตรี เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยดนตรีประจำชาติบนความแตกต่าง ความหลากหลาย และอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข (National Music Exists in the Harmony of Diversity and Multiplicity) โครงการนี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรก เป็นการประลองวงเยาวชนดนตรี ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อต้องการให้เยาวชนคนรุ่นใหม่สนใจเพลงประจำชาติ เพลงไทย เพลงท้องถิ่น และเพลงพื้นบ้านทั่วไทย ส่วนที่สอง เป็นการศึกษาวิจัยเพลงประจำชาติ เพลงไทย เพลงท้องถิ่น และเพลงพื้นบ้าน นำบทเพลงมาเรียบเรียงเสียงประสานใหม่ บรรเลงโดยวงไทยซิมโฟนีออร์เคสตร้า ซึ่งเป็นวงดนตรีประเภทคลาสสิก แล้วนำไปแสดงในพื้นที่ท้องถิ่น เพื่อให้ประชาชนและชาวบ้านได้ชื่นชม
รศ.ดร.สุกรี กล่าวด้วยว่า ผลการประลองปีที่3นี้ ปรากฏว่าวงทาลึง จากวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จ.มหาสารคาม คว้ารางวัลชนะเลิศ ส่วนวงอินพัชรา จากมหาวิทยาลัยราชภัฎบ้านสมเด็จเจ้าพระยา กทม. ได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่หนึ่ง ได้รับถ้วยจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอว. รางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง วง Four eye Woodwind Ensemble จากโรงเรียนเบญจมราชูทิศ จ.ปัตตานี และรางวัลรองชนะเลิศอันดับสาม วงล้านนาสมัย จากโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จ.เชียงใหม่
ประธานมูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข กล่าวต่อว่า เห็นได้ชัดเจนว่าการแสดงในรอบชิงชนะเลิศวงดนตรีที่เข้ารอบสุดท้าย 4 วงจาก4 ภูมิภาค มีการพัฒนาไปไกลมาก ความสำเร็จแรกคือ คนรุ่นใหม่สามารถเรียนรู้จากสิ่งเก่าๆ ที่เป็นรากเหง้าของดนตรีไทย แล้วนำมาพัฒนาสร้างสรรค์เพื่อโลกอนาคตใหม่อย่างน่าชื่นชม สามารถนำดนตรีของชาติไปสู่ระดับนานาชาติได้เลย ความสำเร็จต่อมา คือเยาวชนเหล่านี้เป็นกำลังสำคัญที่จะสร้างสิ่งใหม่ๆให้เกิดขึ้นกับดนตรีของประเทศไทย

สำหรับวงทาลึงที่คว้ารางวัลชนะเลิศครั้งนี้ เป็นวงที่ช่างคิด ตลกชวนหัวเราะ โดยนำคำว่าทะลึ่งกับคำว่าตะลึงมารวมกันเป็นทาลึง เป็นวงที่มีความสามารถมีฝีมือสูงโดยเฉพาะเครื่องดนตรีพื้นบ้านอีสาน สามารถพัฒนาตัวเองสู่ระดับนานาชาติได้ ทั้งยังประสบความสำเร็จในการแสดงชนะใจผู้ชมได้อย่างล้นหลาม ที่สำคัญคณะกรรมการทั้ง 5 คน ให้คะแนนเป็นเอกฉันท์
“วงทาลึง สามารถปรับให้เล่นเข้ากับวงไทยซิมโฟนีออร์เคสตราได้อย่างลงตัวเป็นเนื้อเดียวกัน ทำให้โครงการวิจัยดนตรีประจำชาติบนความเหมือนความแตกต่างความหลากหลายความลงตัวและอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม สามารถพัฒนาต่อยอดไปข้างหน้าได้ในอนาคตต่อไป อีกทั้งการประลองวงเยาวชนดนตรีที่ได้เข้าร่วมในการประลองทุกวงจากทั่วประเทศทั้ง 40 วง มีการนำเสนอการผสมผสานระหว่างดนตรีพื้นบ้าน ดนตรีไทย ดนตรีสากล ร่วมกับวงไทยซิมโฟนีออร์เคสตรา ถือเป็นความประสบความสำเร็จที่งดงามยิ่งนัก”รศ.ดร.สุกรี กล่าว
ด้านนายธีรภัทร ชวะเลข วงทาลึง กล่าวว่า เพลงที่นำมาบรรเลงในรอบชิงชนะเลิศชื่อเพลง”ฝนโปรย” จุดเด่นของเพลงนี้คือ ได้นำเสนอความสามารถของดนตรีแต่ละเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ไม่ว่าจะเป็นแคน พิณ โหวต วงลาง และกลองตะโพน ซึ่งได้อารมณ์เพลงอย่างมาก ทั้งชี้ให้เห็นว่าพอฝนโปรยแล้วก็เกิดพายุ จนพายุหยุดหายเองไปตามธรรมชาติ
“จุดเด่นของวงเราคือ เป็นการนำเสนอดนตรีอีสานในรูปแบบใหม่ ซึ่งหาดูได้ยาก ทั้งนี้ก่อนเข้าร่วมเวทีประลองครั้งนี้ เคยร่วมการแข่งขันดนตรีระดับนานาชาติ ในรายการ Osaka International Music Competition ประเภท Folk Instruments เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น และได้รับรางวัลชนะเลิศ ประเภท Audience Award Takatsuki Mayor ปี 2566 สำหรับรางวัลชนะเลิศในเวทีประลองครั้งที่3 พวกเราภูมิใจมาก สมกับที่ซ้อมมาอย่างเหน็ดเหนื่อย รางวัลนี้แสดงให้เห็นว่าดนตรีอีสานสามารถเข้ากับดนตรีสากลหรือดนตรีอื่นๆได้ทั่วโลกเลย และพวกเราจะไม่หยุดการพัฒนา โดย
จะนำเงินรางวัลที่ได้ 1 แสนบาทไปเป็นทุนในการทำอัลบั้มเพลงของวงต่อไป”นายธีรภัทร กล่าว

นายบฤงคพ วรอุไร วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยพายัพ กรรมการตัดสินเวทีประลองฯ ปีที่3 กล่าวว่า ในรอบชิงชนะเลิศนี้ทั้ง 4 วงฝีมือดีพื้นฐานดีทุกวง ส่วนวงทาลึงที่ชนะเลิศ ส่วนหนึ่งเพราะสามารถแสดงความสามารถได้ดี ทำให้คนดูสนุกไปด้วย ขณะที่สไตล์ของดนตรีอีสานค่อนข้างถึงง่าย จนคนฟังรู้สึกอยากจะเต้นตาม ที่สำคัญการที่น้องๆทุกวงได้เล่นกับวงออร์เคสตราถือเป็นประสบการณ์ชีวิต เป็นการเล่นดนตรีนอกกรอบ มองว่าโครงการนี้ดีมากที่ให้โอกาสเด็กๆได้แสดงฝีมือของตัวเองออกมา ดังนั้นน่าจะสนับสนุนเด็กกลุ่มนี้ต่อไป
ด้านเก่ง ธชย ประทุมวรรณ ศิลปินเพลง กรรมการตัดสินอีกคน กล่าวว่า วงดนตรีที่เข้ารอบชิงชนะเลิศจากทั้ง 4 ภาค เก่งและสุดยอดทุกวง สำหรับวงทาลึงที่ได้รางวัลชนะเลิศนั้นเห็นชัดว่าจัดวางทุกอย่างได้ดี และได้ใจผู้ชมผู้ฟัง ขอยินดีกับน้องๆด้วย
“ผมเป็นคนหนึ่งที่ถึงแม้เป็นคนใต้แต่ชอบไปภาคอีสาน แถมหลงใหลในวัฒนธรรมอีสานที่เห็นถึงความสนุกสนานและมนต์ขลัง ดนตรีอีสานมีมิติที่หลากหลาย ได้เห็นน้องๆระบายสีบทเพลงได้อารมณ์ที่หลากหลาย เพลงที่นำเสนอเป็นเพลงฝนโปรย ทุกครั้งก่อนสายรุ้งจะขึ้น ฝนจะตกก่อนเสมอ วงทาลึงสมควรกับรางวัลชนะเลิศนี้” เก๋ง ธชย กล่าว
#สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.)#มูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข#วงทาลึง