ครั้งแรกของประเทศไทยกับการรวม 100 นักวิจัยด้านอาหารจาก 8 มหาวิทยาลัยชั้นนำภายในงาน FoodX – Premiumization Day 2025
100 นักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญด้านอาหาร (RUN TOP100) จาก 8 มหาวิทยาลัยในเครือข่ายพันธมิตรมหาวิทยาลัยเพื่อการวิจัย (RUN) เปิดตัวร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนให้โซลูชันกับผู้ประกอบการ ในกิจกรรม Table Talk – R&D For Growth ภายในงาน FoodX – Business for Food Forum – Premiumization Day 2025
วันที่ 3 ธ.ค. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ รศ.ดร.ชาลีดา บรมพิชัยชาติกุล ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายพันธมิตรมหาวิทยาลัยเพื่อการวิจัย (RUN Office) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า เครือข่ายพันธมิตรมหาวิทยาลัยเพื่อการวิจัย (Research University Network: RUN) จัดตั้งขึ้นโดยความร่วมมือของ 8 มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ ได้แก่ มหาวิทยาลัยมหิดล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดย RUN ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2558 เพื่อที่จะเชื่อมโยง และแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เทคโนโลยี และสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการทำวิจัย เช่นห้องปฏิบัติการ โรงงานต้นแบบ ศูนย์สัตว์ทดลอง เครื่องมืออุปกรณ์ เป็นต้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ใน 10 คลัสเตอร์วิจัย ครอบคลุมประเด็นสำคัญทั้งด้านสุขภาพ เกษตรและอาหาร อาหารมูลค่าสูง การเกษตร พลังงาน ดิจิทัล วัสดุขั้นสูง การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โลจิสติกส์ และอาเซียนศึกษา
กิจกรรมของ RUN เริ่มมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2558 จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลา 10 ปี โดยเครือข่าย RUN ทำหน้าที่เป็น Think Tank หรือ Solution Provider ให้กับประเทศ โดยในปีนี้ RUN นำ RUN TOP100 หรือนักวิจัยด้านอาหารเชิงลึก 100 ท่านจากเครือข่าย RUN จาก 6 กลุ่มงานวิจัย ได้แก่ 1.การแปรรูปอาหารขั้นสูง (Advance Food Processing) ได้แก่ การประมวลผล และเทคโนโลยีการแปรรูปอาหารรูปแบบใหม่ ที่ช่วยรักษา ลดการสูญเสียคุณภาพอาหาร สามารถยืดอายุการเก็บรักษา และสร้างคุณประโยชน์เชิงหน้าที่ของอาหาร สร้างอาหารที่มีคุณสมบัติเฉพาะ เช่นการป้องกัน การกักเก็บ หรือนำส่งสารอาหารสำคัญ
2. การผลิตอาหารฟังก์ชั่น และส่วนประกอบอาหาร (Functional Food and Ingredients Production) ได้แก่ การออกแบบและผลิตผลิตภัณฑ์ฟังก์ชั่น หรือส่วนประกอบอาหาร เช่น โปรไบโอติก พรีไบโอติก และสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่ส่งผลดีต่อร่างกาย
3. การออกแบบอาหารเฉพาะบุคคล (Personalized Food Design) คือการออกแบบกระบวนการผลิตอาหารให้เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะบุคคล หรือตามพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้บริโภค เช่น อาหารสำหรับผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ นักกีฬา หรือ กลุ่มคนทำงาน เป็นต้น 4. บรรจุภัณฑ์อาหารฟังก์ชัน (Functional Food Packaging) ที่มีลักษณะพิเศษ หรือบรรจุภัณฑ์อัฉริยะ ที่สามารถรักษาคุณภาพยืดอายุอาหาร หรือสามารถแสดงสัญญาณบ่งชี้ระดักบความสุก หรือความเน่าเสียของอาหาร 5. สื่อสร้างสรรค์เพื่อเพิ่มมูลค่าอาหาร (Creative Content to Increase Value of Food) การออกแบบอาหาร การส่งเสริม Soft Power ด้านอาหาร เป็นต้น
6. โปรตีนทางเลือก (Alternative Protein) เช่น งานวิจัยด้านการผลิตแหล่งโปรตีนทางเลือก หรือการพัฒนาโปรตีนทางเลือกที่ปลอดภัย หรือการขยายสเกลการผลิตในระดับอุตสาหกรรม ได้มีโอกาสเข้ามาพูดคุย แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และให้คำปรึกษาในการแก้ปัญหาด้านการผลิตอาหารให้กับภาคเอกชนในงาน FoodX – Business For Food Forum - Premiumization Day 2025 เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
รศ.ดร.ชาลีดา กล่าวต่อว่า RUN และ FoodX เห็นปัญหาเดียวกันว่าอุตสาหกรรมอาหารของไทยยังไปไม่สุด เพราะยังขาดการนำองค์ความรู้ในภาคมหาวิทยาลัยไปใช้ประโยชน์
งานในวันนี้ ถือเป็นเวทีแรกของประเทศไทยที่นักวิจัยได้เข้ามาพูดคุย เข้าใจความต้องการ และเห็นปัญหาของผู้ประกอบการมากขึ้น สามารถทำงานวิจัยที่ตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมได้จริง เป็นการเพิ่มโซลูชันให้แก่ผู้ประกอบการ ที่จะขับเคลื่อนให้สินค้าและบริการของไทยแตกต่างจากคู่แข่ง ในกิจกรรม “ Table Talk – R&D For Growth ” ภายในงาน FoodX ซึ่งเป็นมิติใหม่ในการเชื่อมโยงนักวิจัย และผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหาร โดยการเปิดพื้นที่ในแบบโต๊ะเจรจาธุรกิจ ที่ผู้สนใจที่เข้ามาชมงานสามารถเข้ามานั่งพูดคุย แลกเปลี่ยนมุมมอง สอบถามขอคำแนะนำ หรือกับนักวิจัยแต่ละกลุ่มทั้งร้อยท่าน หรือทำความรู้จัก หาความร่วมมือกับผู้ประกอบการในธุรกิจอาหาร ได้ตลอดทั้งวัน เป็นการสร้างโอกาสในการเปิดประตูในการพัฒนาธุรกิจอาหารด้วย เทคโนโลยี และนวัตกรรมขั้นสูงจากนักวิจัยไทย จาก RUN TOP 100” ดร.ชาลีดา กล่าว
ในเรื่องความคาดหวังผลลัพธ์ต่อจากงานในวันนี้
รศ.ดร.ชาลีดา กล่าวว่า จากวันนี้ นักวิจัย และผู้ประกอบการจะรู้จักและเข้ากันมากขึ้น และสามารถเข้าถึงทุนจากภาครัฐในการสนับสนุนงบประมาณการพัฒนางานวิจัย ไม่ว่าจะเป็นกลไกจาก BOI ในการส่งเสริมการลงทุน เป็นต้น ตัวอย่างงานวิจัยด้านอาหารที่สามารถเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาผู้ประกอบการ เช่นอาหารเชิงสุขภาพที่กำลังอยู่ในกระแส มีงานวิจัยด้านโปรไบโอติกสายพันธุ์ไทยที่มีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลหรือควบคุมคลอเรสเตอรอล ที่ได้รับการทดสอบในสัตว์และคน
งานวิจัยในการพัฒนาแป้งทนย่อย การพัฒนาอาหารผู้สูงอายุ โปรตีนทางเลือก หรือในกลุ่มปแปรรูปอาหารเช่น การฆ่าเชื้อในอาหารและเครื่องดื่มด้วยแรงดันสูง พลาสม่ากำจัดมอด การพัฒนาเปลือก เศษใบของใบสับปะรดเป็นหนังจากใยสับปะรด ทดแทนหนังจากสัตว์ หรืองานวิจัยเครื่องสำอาง น้ำหอมชื่อดังที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน มาจากนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเครือข่ายของ RUN และอีกหลายงานวิจัยที่ได้รับการเผยแพร่แล้ว แต่ยังมีงานวิจัยอีกมาก ที่ต้องการการสนับสนุนจากภาครัฐ และการถ่ายทอดสู่ผู้ประกอบการได้มากขึ้น โดยทิศทางงานวิจัยในอนาคต เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของไทย คือการพัฒนาอาหารไทย เชื่อมโยงผู้ประกอบการ และนักลงทุน ผสมกับการดีไซน์ เล่าเรื่องราวของอาหารไทย ผสมผสานการนำนวัตกรรมด้านเกษตรอาหารของไทย และมองตลาดให้ถูกจุด สามารถเปลี่ยนสินค้าไทยให้เป็นสินค้าพรีเมี่ยมได้
ดร.ชาลีดา กล่าวทิ้งท้ายถึงการทำงานของ RUN ว่า สำนักงานเครือข่ายพันธมิตรมหาวิทยาลัยเพื่อการวิจัย (RUN OFFICE) ซึ่งมี รศ.ดร.ชาลีดา ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ จะทำหน้าที่ขับเคลื่อนการเชื่อมโยงนักวิจัย และการแชร์องค์ความรู้ ห้องปฏิบัติการ โรงงานต้นแบบ ศูนย์ทดลองในสโดยมีรองอธิการบดีของ 8 มหาวิทยาลัยในฐานะกรรมการบริหารเครือข่าย RUN เป็นผู้กำหนดนโนบาย “ ขอขอบคุณ FOODX ที่เปิดโอกาสให้นักวิจัย RUN ได้มาเปิดตัวครั้งแรกในวงการอาหาร หลังจากนี้ RUN จะเชื่อมโยงทุกภาคส่วนมากขึ้น ทั้งในและต่างประเทศ ที่จะช่วยผู้ประกอบการได้อย่างแน่นอน”
