เมื่อ : 07 พ.ย. 2568


“สุรศักดิ์” เผยข่าวดีสภานโยบาย อววน. เตรียมปลดล็อกให้กระทรวงกลาโหมทำเรื่องของบวิจัยพัฒนายุทโธปกรณ์และนวัตกรรมความมั่นคงได้โดยตรง

 

เมื่อวันที่ 7 พ.ย. นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีว่ากระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในพิธีส่งมอบอุปกรณ์การแพทย์ภาคสนามที่พัฒนาโดยสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) (สซ.) ให้แก่กองทัพภาคที่ 2 ประกอบด้วย สายรัดห้ามเลือดแบบก้านหมุน (Tourniquet)  1000 ชุด และ เฝือกอ่อน (Splint) จำนวน 500 ชุด รวม 1500 ชุด เพื่อใช้ในราชการสนาม ลดการเสียชีวิตของกำลังพลบริเวณชายแดนจากภาวะเลือดออกรุนแรงและกระดูกหัก โดยมี พลโท วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้รับมอบ และมี น.ส.พิมพ์พร ชีวานันท์ เลขานุการ รมว.กระทรวง อว. น.ส.วราภรณ์ รุ่งตระการ รองปลัดกระทรวง อว. 

ดร.พันธุ์เพิ่มศักดิ์ อารุณี ผู้ช่วยปลัดกระทรวง อว. รศ.ดร.สาโรช รุจิรวรรธน์ ผอ.สซ. ผศ.ดร.วีรชัย อาจหาญ ผู้ว่าการ วว. ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผอ.สวทช. และพล.ต.ณรงค์ ภักดีศุภผล ผู้อำนวยการโรงพยาบาล(รพ.)ค่ายสุรนารี เข้าร่วม ที่สำนักงานปลัดกระทรวงอว. ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพฯ
 

นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า อุปกรณ์การแพทย์ภาคสนามเป็นผลงานจากความร่วมมือระหว่าง สซ. และรพ.ค่ายสุรนารี โดยนำนวัตกรรมทางวัสดุศาสตร์ของซินโครตรอนมาประยุกต์ใช้ให้มีประสิทธิภาพเทียบเท่ามาตรฐานสากล แต่มีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าการนำเข้ากว่าครึ่ง ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการต่อยอดงานวิจัยไทยสู่การใช้งานจริง เพื่อประโยชน์ของประเทศ โดยสายรัดห้ามเลือดแบบก้านหมุน (Combat Application Tourniquet: CAT) ออกแบบมาเพื่อควบคุมภาวะเลือดออกรุนแรงบริเวณแขนหรือขา ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตในสนามรบ 


ผลการทดสอบพบว่าสามารถสร้างแรงกดได้คงที่และต่อเนื่องนาน 5–6 ชั่วโมงโดยไม่คลายตัว ส่วนเฝือกอ่อน (Splint) ผลิตจากวัสดุอะลูมิเนียมอัลลอยด์ผ่านกระบวนการอบอ่อน (Annealing) ด้วยเทคโนโลยีซินโครตรอน ทำให้มีความยืดหยุ่นสูง ดัดเข้ากับสรีระได้อย่างมั่นคง อีกทั้งยังเป็นวัสดุโปร่งแสงรังสี (Radiolucent) ช่วยให้สามารถเอกซเรย์ผู้บาดเจ็บได้โดยไม่ต้องถอดเฝือก

 

“ถ้าประเทศเราไม่มีงานวิจัยที่ทำขึ้นเอง ยามวิกฤตต่อให้มีเงินมากแค่ไหนก็หาซื้อไม่ได้ งานวิจัยที่เราผลิตขึ้นเองจะทำให้ประเทศมีความมั่นคงยิ่งขึ้น โดยเป้าหมายต่อไป กระทรวง อว. จะสนับสนุนให้ทหารมีอุปกรณ์เหล่านี้ใช้ครบทุกคน เพื่อให้เป็นอุปกรณ์ประจำกายที่ทหารทุกคนจะต้องมีใช้” นายสุรศักดิ์ กล่าว
 

นอกจากการมอบสิ่งของสนับสนุนกองทัพภาคที่ 2 แล้ว ตนและแม่ทัพภาคที่ 2 ยังมีการพูดคุยถึงการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดในการสนับสนุนของกระทรวง อว. ที่มีต่อกองทัพ เพราะภัยความมั่นคงเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ได้แถลงต่อรัฐสภา และเป็นนโยบายที่ตนในฐานะ รมว.อว. ได้นำมาขับเคลื่อน โดยระดมองคาพยพของกระทรวง อว. ที่มีทั้งนักวิชาการ งานวิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรม มาสนับสนุนการทำงานของกองทัพ เพื่อป้องกันภัยความมั่นคงให้กับประเทศ ที่สำคัญในเรื่องที่กองทัพภาคที่ 2 ขอรับการสนับสนุนงบประมาณโครงการวิจัยเพื่อพัฒนายุทโธปกรณ์และนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงจากกองทุน ววน. โดยกระทรวง อว. ได้นำเรื่องนี้เข้าหารือในสภานโยบาย อววน. ซึ่งต้องมีการปลดล็อก แก้ไขกฎระเบียบ เพราะเดิมการขอทุนวิจัยต้องเป็นการใช้กับภาคประชาชนเป็นหลัก ยังไม่ได้เปิดช่องให้กองทัพเข้ามาขอได้โดยตรง และล่าสุดสภานโยบายฯ ได้มีมติให้กระทรวงกลาโหมเป็นหน่วยงานหนึ่งที่จะสามารถทำเรื่องของบวิจัยได้โดยตรง 

 

ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการออกประกาศ นั่นหมายความว่ากองทัพต่าง ๆ ของกระะทรวงกลาโหมจะสามารถขอเงินทุนวิจัยเพื่อพัฒนายุทโธปกรณ์และนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงโดยตรงได้ง่ายขึ้นและตรงด้วย ซึ่งหลังจากนี้จะมีการแต่งตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างสองกระทรวง เพื่อหาแนวทางขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมและพัฒนาการวิจัยด้านยุทโธปกรณ์ต่อไป

ภายในงานยังมีการมอบผลิตภัณฑ์จาก วว. ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ข้าวเม่าคลุกกึ่งสำเร็จรูปพร้อมบริโภค ซึ่งเก็บได้นานถึง 6 เดือน เพียงเติมน้ำร้อน 2 นาที หรือใช้น้ำธรรมดา 7 นาที ก็รับประทานได้ทันที และเจลลูกประคบสมุนไพรที่สกัดจากไพล ขมิ้นชัน มะกรูด และตะไคร้ ที่พัฒนาให้ใช้งานสะดวกในรูปแบบเจล แต่ยังคงคุณสมบัติการบรรเทาอาการปวดเมื่อย เคล็ดขัดยอก และฟกช้ำ เช่นเดียวกับลูกประคบสมุนไพรดั้งเดิม ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้เหล่าทหารในระหว่างปฏิบัติภารกิจ 

 

พร้อมกันนี้ ยังนำ “ต้นแบบรถขุดตักดัดแปลงทำลายทุ่นระเบิด PMN-2 สำหรับภูมิประเทศซับซ้อนสูงในพื้นที่ชายแดน” ที่พัฒนาโดย สวทช. มาจัดแสดง โดยรถขุดตักฯ ดังกล่าวเพิ่งจะส่งมอบให้กองทัพบกนำไปใช้ในภารกิจการป้องกันประเทศเมื่อช่วงเดือนก.ย.ที่ผ่านมา

ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ