เมื่อ : 22 ต.ค. 2568

ที่ประชุมวุฒิสภา เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ได้เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. …. นับเป็นก้าวสำคัญในการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคด้านการเดินทาง โดยมีตัวแทนผู้บริโภคเข้าไปมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางขนส่งสาธารณะของประเทศ ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ และเชื่อมโยงทุกระบบด้วยบัตรใบเดียว

 

นายคงศักดิ์ ชื่นไกรลาศ ผู้ช่วยเลขานุการคณะอนุกรรมการด้านการขนส่งและยานพาหนะ สภาผู้บริโภค กล่าวว่า การที่สมาชิกวุฒิสภามีมติเห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ. ตั๋วร่วม ถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้บริโภค เป็น “จุดเปลี่ยนสำคัญ” ในการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคด้านการเดินทางของประเทศไทย เพราะระบบตั๋วร่วมจะช่วยลดความยุ่งยากในการใช้บริการรถไฟฟ้า รถเมล์ เรือ และระบบขนส่งสาธารณะทุกประเภท โดยประชาชนสามารถใช้บัตรเพียงใบเดียวเดินทางเชื่อมต่อทุกเส้นทางได้อย่างสะดวก

 

“ระบบตั๋วร่วมไม่เพียงเอื้อให้การเดินทางราบรื่นขึ้นเท่านั้น แต่ยังสอดคล้องกับนโยบายของรัฐที่มีเป้าหมายลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนในชีวิตประจำวัน” นายคงศักดิ์ แสดงความคิดเห็น

ความโดดเด่นของกฎหมายฉบับนี้ คือ การกำหนดให้ประธานสภาผู้บริโภค เป็นหนึ่งในคณะกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วมโดยตำแหน่ง ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ภาคประชาสังคมและผู้บริโภคได้รับการบรรจุให้มีบทบาทในกระบวนการกำหนดนโยบายด้านขนส่งระดับประเทศ สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคว่าทิศทางของตั๋วร่วมจะเกิดขึ้นและเดินหน้าต่อไปโดยคำนึงถึงประโยชน์ของผู้บริโภคอย่างแท้จริง

 

นอกจากนี้ พ.ร.บ.ตั๋วร่วม ยังกำหนดเรื่องการวางกรอบบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมอย่างเป็นระบบ ครอบคลุม ตั้งแต่การกำหนดมาตรฐานเทคโนโลยีตั๋วร่วม การกำหนดอัตราค่าโดยสาร การออกใบอนุญาตให้ผู้ประกอบการเข้าร่วมระบบ ไปจนถึงการจัดตั้ง “กองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม” เพื่อสนับสนุนทั้งผู้ให้บริการและผู้โดยสารให้เข้าถึงบริการได้ในราคายุติธรรม พร้อมทั้งส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

 

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันร่างกฎหมายลำดับรอง เช่น กฎกระทรวง ระเบียบ หรือประกาศที่เกี่ยวข้อง ยังอยู่ระหว่างการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณะ ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญต่อการนำกฎหมายไปสู่การบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ความสำเร็จของระบบดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้จริงก็ต่อเมื่อมีการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่รอบคอบ รัดกุม และเอื้อต่อประโยชน์ของผู้บริโภคโดยรวม ทั้งยังควรมุ่งเน้นการสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะเข้าสู่ระบบตั๋วร่วม รวมถึงการดำเนินการเจรจาและปรับปรุงสัญญาสัมปทานกับภาคเอกชนอย่างโปร่งใส เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้บริโภคต้องแบกรับภาระค่าโดยสารที่ไม่เป็นธรรม

 

“การเกิดขึ้นของ พ.ร.บ.ตั๋วร่วมถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะทำให้คนไทยได้ใช้ระบบขนส่งสาธารณะในราคาที่เป็นธรรม อย่างไรก็ตาม หลังจาก พ.ร.บ. ฉบับนี้ถูกประกาศใช้ ก็ยังต้องติดตามและผลักดันกันต่อไปว่าภาครัฐจะมีนโยบาย มาตรการ หรือแนวทางใดมารองรับ เพื่อให้ระบบตั๋วร่วมเกิดขึ้นได้จริงในประเทศไทย” นายคงศักดิ์ระบุ

ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ