เมื่อ : 09 ต.ค. 2568

กรมประมง ร่วมกับ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) นำคณะทำงานจากการประชุมสัมมนาวิชาการระดับนานาชาติ ด้านความเสมอภาคทางเพศในภาคการประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ หรือ GAF9 จำนวน 11 ราย ลงพื้นที่จ.มหาสารคาม เมื่อวันที่ 7-8 ต.ค. เพื่อติดตามความก้าวหน้า GeNA Project ซึ่งเป็นโครงการนำร่องของประเทศไทยในการส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงปลาในนาข้าว โดยใช้แนวทางธรรมชาติ มุ่งพัฒนาภาคการประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำสู่ความยั่งยืน พร้อมหนุนบทบาทสตรีให้มีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนาอาชีพ สร้างรายได้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

นางฐิติพร หลาวประเสริฐ รองอธิบดีกรมประมง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมประมง  เปิดเผยภายหลังเป็นประธานกล่าวต้อนรับคณะทำงานจากหลายประเทศ ในการติดตามการดำเนินโครงการ Making NbCS in Aquaculture in Southeast Asia Monitoring More Gender Responsive : GeNA Project ในพื้นที่จ.มหาสารคาม ว่า จากการที่ประเทศไทยได้ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมวิชาการระดับนานาชาติ ด้านความเสมอภาคทางเพศในภาคการประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ “9th Global Conference on Gender in Aquaculture & Fisheries (GAF9)” ภายใต้หัวข้อ การพลิกโฉมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและการประมงเพื่อความเสมอภาคทางเพศ (Transforming Aquaculture and Fisheries for Gender Justice) ณ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 1–3 ต.ค. ซึ่งเป็นการเปิดเวทีให้นักวิชาการ ผู้ประกอบการ และนักวิจัยจากทั่วโลกกว่า 230 คน ได้ร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ในด้านการส่งเสริมบทบาทสตรีและความเท่าเทียมทางเพศในภาคประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ 


ทั้งนี้ ตลอด 3 วัน ที่ผ่านมา ผู้เข้าร่วมประชุมได้มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และมุมมองใหม่ ๆ เกี่ยวกับบทบาทของสตรีในภาคการประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ตลอดจนมีแนวทางในการบูรณาการมิติทางเพศกับการพัฒนาอาชีพ การบริหารจัดการทรัพยากร และการประสานนโยบายที่ครอบคลุมการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศในทุกมิติของห่วงโซ่การผลิต ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการยกระดับความเสมอภาคทางเพศสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม

โอกาสนี้ กรมประมงจึงได้นำคณะทำงาน GeNA Project ซึ่งเป็นผู้แทนจากเวทีประชุม GAF9 ลงพื้นที่ติดตามโครงการนำร่อง “การเลี้ยงปลาในนาข้าว” ที่จ.มหาสารคาม ระหว่าง วันที่ 7-8 ต.ค. ซึ่งดำเนินการใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ฟิลิปปินส์ และกัมพูชา ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ คณะทำงานได้เยี่ยมชมการดำเนินงานของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ 5 ราย จากทั้งหมด 31 ราย ในพื้นที่อ.พยัคฆภูมิพิสัยและอ.โกสุมพิสัย เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และติดตามผลการนำแนวทางการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่สอดคล้องกับการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและมิติความเท่าเทียมทางเพศในการประมง 


โครงการนี้มุ่งบูรณาการแนวคิด “Nature-based Solution” (NbS) หรือการใช้ธรรมชาติเป็นฐานในการพัฒนา เปิดโอกาสให้ประเทศไทยได้นำเสนอการขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติจริงในพื้นที่ โดยส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงปลาในนาข้าวตามแนวทางธรรมชาติ ซึ่งช่วยลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำ พร้อมสร้างสมดุลระหว่างการผลิตอาหาร การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรในพื้นที่อย่างยั่งยืน ตามนโยบายของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  

นอกจากนี้ โครงการฯ ยังให้ความสำคัญกับการเสริมพลังสตรีในชุมชนท้องถิ่น เพื่อให้มีบทบาทสำคัญในกระบวนการบริหารจัดการฟาร์ม การตัดสินใจ และการแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเท่าเทียม ซึ่งเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างความเข้มแข็งให้กับครอบครัวและชุมชนอย่างยั่งยืน

 

นางมยุรา สีทองสา หนึ่งในเกษตรกรอ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคามที่เข้าร่วมโครงการฯ กล่าวแสดงถึงความรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ GeNA Project ซึ่งเป็นโครงการสำคัญที่มุ่งสร้างความยั่งยืนและส่งเสริมความเสมอภาคทางเพศในภาคการประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ โดยตนได้ใช้พื้นที่นาข้าวให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการปลูกข้าวอินทรีย์ควบคู่กับการเลี้ยงปลา โดยมีการนำแนวคิด NbS มาปรับใช้ให้ธรรมชาติเข้ามาช่วยจัดการสิ่งแวดล้อมภายในฟาร์ม 


ผลลัพธ์ที่ได้คือ สามารถลดต้นทุนการผลิต ลดการใช้สารเคมี และยังช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศพื้นที่ให้สมดุลมากขึ้น จากเดิมที่ครอบครัวมีรายได้จากการทำนาเพียงอย่างเดียว ต้องใช้แรงงานมากและพึ่งพาสารเคมี แต่หลังจากเลี้ยงปลาในนาข้าว สามารถจำหน่ายปลาได้ก่อนฤดูเก็บเกี่ยวข้าว เป็นการเพิ่มรายได้อีกทางหนึ่ง ขณะเดียวกันยังช่วยให้การทำงานในครอบครัวมีความร่วมมือมากขึ้น โดยสามีและภรรยาทำงานร่วมกันอย่างเท่าเทียม โดยเชื่อมั่นว่าการเลี้ยงปลาในนาข้าวด้วยแนวคิดธรรมชาตินี้ จะช่วยให้ครอบครัวมีอาชีพที่มั่นคงและยั่งยืน เป็นต้นแบบให้เกษตรกรรายอื่นนำไปปรับใช้และต่อยอดได้ในอนาคต

 

รองอธิบดีกรมประมง  กล่าวด้วยว่า  กิจกรรมต่าง ๆ ที่คณะทำงานได้สัมผัสจากการลงพื้นที่ฟาร์มเกษตรกรในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จที่จับต้องได้ของ GeNA Project ซึ่งช่วยส่งเสริมเกษตรกรในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยเกษตรกรสามารถลดต้นทุนการผลิต เพิ่มรายได้จากการเลี้ยงปลาและการปลูกข้าวในพื้นที่เดียวกัน อีกทั้งยังเป็นการสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับชุมชนในระยะยาว นอกจากนี้ ยังยกระดับบทบาทของสตรีในภาคการประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ให้มีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจ การบริหารจัดการฟาร์ม และการแบ่งปันผลประโยชน์ในครัวเรือนและชุมชนอย่างเท่าเทียม ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาภาคการประมงของไทยไปสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง