เส้นทางเศรษฐี “กล้วย”นำชัยสู่ความสำเร็จ พลิกชีวิตจากเกษตรกรติดลบ สร้างอาชีพและอนาคตที่มั่นคง

“กล้วย” พืชบ้านๆ สามารถสร้างอาชีพ ปลดหนี้ ช่วยเกษตรกรสร้างเนื้อสร้างตัวได้ อย่างที่ภักดี ภักดิ์วิภาวรกุล เจ้าของไร่ภักดี อ.พบพระ จ. ตาก ผู้ส่งกล้วยหอมทองเนื้อแน่นคุณภาพดีให้กับร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ของประเทศ เริ่มต้นจากวันละ 2000 ลูก สู่วันละ 30000 ลูกในวันนี้
ตลอดระยะเวลานานกว่า 30 ปีของอาชีพเกษตรกรที่ทดลองปลูกพืชหลากหลายชนิด กว่าจะมาลงตัวที่กล้วยหอมทอง จากไร่เล็กๆ 20 ไร่ สู่ฟาร์มกล้วยหอมทองขนาด 300 ไร่ในวันนี้ ภักดีต้องฝ่าฟันอะไรมากมาย แต่ด้วยอาศัยความอดทน พร้อมลุยไปข้างหน้าด้วยความมุ่งมั่น เอาใจใส่ มองการณ์ไกล และปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงเสมอ รวมทั้งการมีรถกระบะที่อึด ทนทาน วางใจได้เป็นผู้ช่วยสำคัญที่ทำให้สามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าได้ทุกวันต่อเนื่องมาหลายปี ทำให้ภักดีมีอาชีพที่มั่นคงสามารถเลี้ยงครอบครัวและคนงานในไร่ได้เป็นอย่างดี
เส้นทางสู่การเป็นเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จ ไม่ได้เริ่มจากกล้วยตั้งแต่แรก แต่เป็นการปลูกกุหลาบ เพราะในช่วงนั้นกุหลาบให้ผลตอบแทนดี ต้นทุนไม่มากนัก แต่ตอนหลังเมื่อต้นทุนเพิ่มขึ้น เริ่มไม่คุ้ม จึงได้มองหาพืชอื่นๆ ที่ต้นทุนไม่สูง และสามารถให้ผลกำไรที่สูงขึ้น จึงได้ทดลองปลูกผลไม้หลายชนิด เช่น ชมพู่ ฝรั่ง มะนาว เพื่อหาว่าผลไม้ชนิดใดที่จะมีความคุ้มค่าในเชิงธุรกิจมากที่สุด บังเอิญ ในช่วงที่ปลูกมะนาว ทางไร่ได้ปลูกกล้วยแซม แล้วพบว่ากล้วยให้ผลตอบแทนดี มีคุณภาพและรสชาติดี ประกอบกับมะนาวเริ่มมีต้นทุนสูง เลยตัดสินใจหันมาปลูกกล้วยจริงๆ จังๆ เพียงชนิดเดียวตั้งแต่ 20 ปีก่อน

สิ่งหนึ่งที่ทำให้กล้วยหอมทองจากไร่ภักดียังคงเป็นธุรกิจที่มั่นคงได้ คือ คุณภาพ ซึ่งได้มาจากการดูแลกล้วยแบบธรรมชาติ ใช้ปุ๋ยคอก ไม่ใช้สารเคมี
ที่สำคัญคือ วิธีปลูกที่แตกต่าง เพราะโดยทั่วไปแล้ว เกษตรกรจะยกแปลงและปลูกกล้วยเป็นระยะๆ ห่างกันพอสมควร และเมื่อกล้วยออกเครือ ตัดขายได้แล้ว 2-3 รุ่น เกษตรกรจะตัดต้นทิ้ง รื้อแปลง และไถพรวนเพื่อให้อากาศเข้าไปในดินช่วยกำจัดเชื้อราและแมลงศัตรูพืช ก่อนจะเริ่มปลูกรุ่นใหม่
“เราปลูกแน่นทั้งหมดเลย ไม่ต้องมีรุ่น ปลูกแล้วจะเก็บเกี่ยวได้ทั้งปี ทำให้คุณภาพดี มีจำนวนที่แน่นอน ควบคุมปริมาณได้ง่าย” ภักดีเล่าให้ฟัง
การสังเกต เอาใจใส่ และคิดต่างแบบนี้ คือหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ภักดีเป็นเกษตรกรแถวหน้าที่ประสบความสำเร็จได้แบบยั่งยืน เมื่อผลผลิตมีพร้อม ความท้าทายต่อไปคือเรื่องของตลาด ในระยะแรก ไร่ภักดีส่งกล้วยไปขายที่ตลาดขายส่ง แต่ราคามีการเปลี่ยนแปลงบ่อย ช่วงราคาดีก็ได้กำไรมากหน่อย แต่บางช่วงราคาตกก็จะขาดทุน และความต้องการของตลาดยังไม่คงที่ ทำให้กล้วยขายไม่หมดก็มี

“เราเริ่มมองหาตลาดใหม่ที่เหมาะกับของๆ เรา เลยเริ่มมองตลาดโมเดิร์นเทรดและร้านสะดวกซื้อ พอติดต่อร้านสะดวกซื้อแล้ว ก็เริ่มส่งเลย จากวันละ 2000 กว่าลูก เพิ่มเป็นหมื่นกว่าลูก สองหมื่นลูกในระยะเวลา 2 ปี ตอนนี้ ตอนนี้เราส่งให้ร้านสะดวกซื้อมา เกือบ 10 ปีแล้ว ส่งทุกวัน วันละเกือบ 30000 ลูก”
การขนส่งกล้วยอย่างมีประสิทธิภาพ มีความแน่นอน วางใจได้ จึงมีความสำคัญมาก ภักดีตัดสินใจที่จะซื้อรถไว้ขนของไปส่งตลาดเองโดยตรงจะได้รับผลตอบแทนดีกว่าการขายผ่านพ่อค้าคนกลางมาก
“รถคันแรกที่ซื้อ คือ นิสสันรุ่นที่เรียกว่าฝาแดง เป็นรุ่นยอดนิยมตอนนั้น ทุกวันนี้ผ่านมา 30 กว่าปี ก็ยังมีคนพูดถึง มีคนใช้อยู่นะ เพราะช่วงล่างดี บรรทุกได้เยอะ จากนั้นก็ใช้นิสสันมาตลอด ตอนนี้เรามีรถหลายคัน ทั้งรถที่ใช้บรรทุกของไปส่ง และรุ่นแค็บสำหรับวิ่งไปซื้อของ ทำธุระ”
นอกจากรูปแบบของรถที่มีหลากหลายให้เลือกตามความต้องการใช้งาน คุณภาพ ความทนทาน และประโยชน์ใช้สอยจะดีแล้ว การบริการหลังการขายก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญ ซึ่งเท่าที่ได้สัมผัสและใช้บริการกันมา 30 ปี ภักดีรู้สึกว่าความใกล้ชิด ความสัมพันธ์ที่ดีมากกับนิสสัน เป็นส่วนที่ทำให้ใช้นิสสันมาอย่างต่อเนื่อง
“เราคุยกันตลอด รู้สึกเหมือนกับเราอุดหนุนญาติ เพื่อน พี่น้อง เวลามีปัญหาอะไร เราโทรคุยกัน และทางนิสสันพร้อมเข้ามาหาผมทันที บางทีผมไม่ว่าง เขาก็เข้ามาขับรถผมไปเช็คให้ก็มี เหมือนญาติกันมากกว่า ส่วนรถก็เหมือนลูกน้องที่ซี่อสัตย์ที่อยู่เคียงข้างเราไปตลอด”
รถกระบะนิสสันมีการพัฒนาต่อเนื่องมาจนรุ่นล่าสุด ที่เป็นรุ่นยกสูง ติดตั้งเครื่องยนต์ 2.3 ลิตรทวินเทอร์โบ ให้พละกำลัง190 แรงม้า และแรงบิด 450 นิวตันเมตร ให้พลังเหลือเฟือ ขับขึ้นลงทางชัน คดเคี้ยวหรือเร่งแซงได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย ขับง่ายผู้หญิงก็ขับได้สบายๆ และยังมีหลายแบบให้เลือก ตอบโจทย์ผู้ใช้งานทุกกลุ่ม นอกจากนี้ จุดเด่นด้านการบรรทุกของ และการใช้งานที่วางใจได้ ทำให้นิสสัน นาวารา เป็นเพื่อนที่ดีสำหรับเจ้าของธุรกิจ เช่นเดียวกับที่ภักดีรู้สึกมาตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ใช้งาน
