เมื่อ : 11 เม.ย. 2568

รมว.วธ. พร้อมมอบนโยบายการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ ขับเคลื่อนเป็น Soft Power ของไทยให้เป็นที่รู้จักระดับสากล

เมื่อวันที่ 9 เม.ย. น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม(วธ.)  มอบหมายให้ นายประสพ เรียงเงิน ปลัดวธ. เป็นประธานในพิธีประกาศขึ้นบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยมี นางยุถิกา อิศรางกูร ณ อยุธยา
รองปลัดวธ.  (รักษาราชการแทนอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม) ผู้บริหารวธ.  ผู้ว่าราชการจังหวัด คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และชุมชนผู้สืบทอดมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เข้าร่วมงาน ที่หอประชุมเล็ก ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

นายประสพ  กล่าวว่า “มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ถือเป็นสมบัติของชาติที่สะท้อนให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ วิถีชีวิต ความเชื่อและภูมิปัญญา ที่ได้รับการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น จนหล่อหลอมเป็นอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่งดงามและเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ ทั้งนี้ การอนุรักษ์และส่งเสริมมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อน Soft Power ของประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล พร้อมทั้งเป็นกลไกในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ”
 

นายประสพ เปิดเผยว่า วธ. โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ไดประกาศขึ้นบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการบันทึกองค์ความรู้และอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่า สร้างความภาคภูมิใจให้กับชุมชน และส่งเสริมความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายในการอนุรักษ์และสืบทอดมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมให้คงอยู่ต่อไปอย่างยั่งยืน สำหรับปี พ.ศ. ๒๕๖๗ คณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ได้มีมติประกาศขึ้นบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม จำนวน ๑๐ รายการ แบ่งเป็น ๒ ประเภท ได้แก่

๑.​รายการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่ต้องได้รับการส่งเสริมและรักษาอย่างเร่งด่วน
1.1 สาขาวรรณกรรมพื้นบ้านและภาษา ได้แก่ ตำนานสุบินกุมาร จ.นครปฐม
1.2 สาขาศิลปะการแสดง ได้แก่ เพลงทรงเครื่อง จ.ชัยนาท
1.3 สาขางานช่างฝีมือดั้งเดิม ได้แก่ ผ้าเกาะโส้ จ.นครพนม
1.4 สาขาการเล่นพื้นบ้าน กีฬาพื้นบ้าน และศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว ได้แก่ ยิงคันกระสุน จ.อุทัยธานี

 

๒.​รายการตัวแทนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม
2.1 สาขาวรรณกรรมพื้นบ้านและภาษา ได้แก่ (1) ตำนานพระนางสร้อยดอกหมาก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และ (๒) ตำนานเขานางหงส์ จ.พังงา
2.2 สาขาศิลปะการแสดง ได้แก่ เรือมอันเร จ.สุรินทร์

2.3 สาขาแนวปฏิบัติทางสังคม พิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล ได้แก่ บุญเดือน ๓ นมัสการพระธาตุพนม จ.นครพนม
2.4 สาขางานช่างฝีมือดั้งเดิม ได้แก่ เสื่อกกจันทบูร จ.จันทบุรี และผ้าหม้อห้อม จ.แพร่

นายประสพ กล่าวอีกว่า การขึ้นบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมและคุ้มครองมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ กระทรวงวัฒนธรรมขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และพัฒนามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมให้คงอยู่ต่อไปอย่างยั่งยืน เพื่อเป็นรากฐานในการเสริมสร้างความภาคภูมิใจของชาติและส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศไทยในอนาคต

ด้านนางยุถิกา กล่าวเสริมว่า การประกาศขึ้นบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมในครั้งนี้ นับเป็นมาตรการสำคัญที่ช่วยบันทึกหลักฐานและสาระสำคัญของมรดกภูมิปัญญาไทย เพื่อสร้างความตระหนักรู้และ
ความภาคภูมิใจแก่ชุมชน องค์กร และหน่วยงานที่มีบทบาทในการสืบทอดภูมิปัญญาเหล่านี้ นอกจากนี้ กรมส่งเสริมวัฒนธรรมยังได้จัดกิจกรรมเผยแพร่ข้อมูล อาทิ นิทรรศการ การแสดง และการสาธิตทางวัฒนธรรม ซึ่งครอบคลุมทั้งวรรณกรรมพื้นบ้าน ศิลปะการแสดง งานช่างฝีมือดั้งเดิม ตลอดจนพิธีกรรมและเทศกาลที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ อันจะเป็นการส่งเสริมให้มรดกภูมิปัญญาของชาติได้รับการอนุรักษ์และถ่ายทอไปยังคนรุ่นต่อไปอย่างต่อเนื่อง 

 

#มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม #Soft Power

ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ