ไฮเออร์ สมาร์ทโฮม เผยผลประกอบการ 3 ไตรมาสแรกปี 67กวาดรายได้รวม 2.029 แสนล้านหยวน (9.73 แสนล้านบาท)
กำไรโตเพิ่ม 15.3%
เดินหน้าเติบโตอย่างยั่งยืนสู่การขับเคลื่อนด้วยผลิตภัณฑ์นวัตกรรม
· ไฮเออร์ ประเทศไทย เผย 9 เดือนแรกสร้างรายได้รวม 8600 ล้านบาท กลุ่มสินค้ายอดนิยม ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า
บริษัท ไฮเออร์ สมาร์ทโฮม จำกัด (จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ ฮ่องกง และแฟรงก์เฟิร์ต; สัญลักษณ์หลักทรัพย์: 600690.SH 6690.HK 690D.DE) ผู้นำระดับโลกด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค รายงานผลประกอบการทางการเงินสามไตรมาสแรกของปี 2567 โดยบริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 2.029 แสนล้านหยวน (9.735 แสนล้านบาท) ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าประมาณ 2.2% ขณะที่กำไรสุทธิที่เป็นของบริษัทแม่มีมูลค่า 1.515 หมื่นล้านหยวน (7.270 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้นประมาณ 15.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ไฮเออร์ สมาร์ทโฮม คว้าโอกาสสร้างการเติบโตทางการค้าในตลาดจีน
จากการดำเนินนโยบายซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าในจีนและความต้องการเครื่องปรับอากาศที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนในเดือนสิงหาคม นำไปสู่การเติบโตของยอดขายปลีกในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าในไตรมาส 3 ปี 2567 เพิ่มขึ้น 7.5% ในขณะที่ยอดขายปลีกของ Casarte ในเดือนกันยายนเพิ่มขึ้นเกือบ 20% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยแบรนด์ระดับพรีเมียมของจีนที่ครองตลาดระดับไฮเอนด์มา 8 ปีติดต่อกัน ยังคงขยายส่วนแบ่งในตลาดภายในประเทศและเสริมสร้างการเติบโตในตลาดต่างประเทศ ผ่านการเข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติ เช่น IFA ในเยอรมนี และ International Kitchen & Furniture Exhibition ในมิลาน
ขณะที่แบรนด์ Leader รายงานการเติบโตที่มั่นคงต่อเนื่องในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 โดยเน้นเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่อายุน้อยลงมา ส่งผลให้ยอดขายปลีกของ Leader เพิ่มขึ้น 31% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าในเดือนกันยายน และเพิ่มขึ้น 22% ในไตรมาสที่ 3 ปี 2567
ในด้านเครื่องใช้ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ตู้เย็น และเครื่องซักผ้า ของไฮเออร์ยังคงครองอันดับหนึ่งของอุตสาหกรรมในประเทศในแง่ของส่วนแบ่งการตลาดในประเทศจีน ในขณะที่เครื่องทำน้ำร้อนครองอันดับหนึ่งในช่องทางการขายต่าง ๆ นอกจากนี้ ความสามารถในการแข่งขันของไฮเออร์ในตลาดเครื่องปรับอากาศระดับโลกยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยยอดส่งออกในไตรมาส 3 ปี 2567 เพิ่มขึ้น 45.7% นอกจากนี้ ยอดขายเครื่องดูดควันในครัวระดับไฮเอนด์ของไฮเออร์เพิ่มขึ้นกว่า 20% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 โดยเฉพาะในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นถึง 35%
ด้านการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน ไฮเออร์มุ่งเน้นและให้ความสำคัญเรื่องของความยั่งยืนมากยิ่งขึ้นในกลุ่มเครื่องใช้ในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นโรงงานรีไซเคิลของไฮเออร์ที่สนับสนุนเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน โดยการส่งเสริมการรีไซเคิลเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านที่ทางโรงงานรีไซเคิลได้รวบรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าจากลูกค้าไฮเออร์ นำมาแยกชิ้นส่วนเพื่อรีไซเคิลและนำไปใช้ใหม่ ซึ่งสามารถรีไซเคิลชิ้นส่วนเหล่านี้และนำกลับมาใช้ใหม่ได้ถึง 100% ของเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศจีน รวมถึงโครงการเปลี่ยนของเก่าเป็นของใหม่ ยังได้รับความนิยมในระดับประเทศของจีนอีกด้วย
กลยุทธ์การเติบโตที่ประสบความสำเร็จในต่างประเทศ
ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ การพัฒนาของตลาดในต่างประเทศมีความแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค โดยในด้านหนึ่ง ความต้องการในตลาดที่พัฒนาแล้ว เช่น ในยุโรปและสหรัฐอเมริกา ยังคงเผชิญความท้าทายเนื่องจากสภาวะถดถอยของเศรษฐกิจมหภาค ขณะที่ตลาดเกิดใหม่ เช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ยังคงมีการเติบโตที่แข็งแกร่ง ด้วยเหตุนี้ ไฮเออร์ สมาร์ทโฮม จึงตัดสินใจใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างกันเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดในแต่ละภูมิภาค โดยเฉพาะในตลาดยุโรปและอเมริกา โดยไฮเออร์ สมาร์ทโฮมได้มุ่งเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมใหม่ การพัฒนาเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และขยายห่วงโซ่อุปทานอย่างต่อเนื่อง
ในตลาดอเมริกาเหนือ ไฮเออร์ สมาร์ทโฮมได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศพิเศษ เช่น เครื่องปรับอากาศแบบอินเวอร์เตอร์รุ่นพิเศษ ซึ่งสามารถติดตั้งที่ขอบหน้าต่าง โดยมียอดขายเติบโตอย่างรวดเร็วในกลุ่มเครื่องปรับอากาศในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 และในตลาดยุโรป ไฮเออร์ สมาร์ทโฮมได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ New Candy series พร้อมจัดกิจกรรมทางการตลาดเพิ่มเติม เพื่อเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์และเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย รวมทั้งเพิ่มดัชนีราคาผลิตภัณฑ์ให้สูงขึ้น
สำหรับตลาดเกิดใหม่ ไฮเออร์ สมาร์ทโฮม เติบโตอย่างรวดเร็วโดยการเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานท้องถิ่นและปรับโครงสร้างผลิตภัณฑ์ เห็นได้จากในไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 รายได้จากการขายในภูมิภาคเอเชียใต้เติบโตมากกว่า 30% ไฮเออร์ สมาร์ทโฮมยังได้ประกาศความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการของ Carrier Commercial Refrigeration (CCR) ขยายธุรกิจจากเครื่องทำความเย็นในครัวเรือนสู่ตลาดเชิงพาณิชย์ ซึ่งการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ช่วยเสริมความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ของไฮเออร์ สมาร์ทโฮมให้มากขึ้นและเป็นการเสริมสร้างตำแหน่งทางกลยุทธ์ในตลาดเครื่องทำความเย็นเชิงพาณิชย์ระดับโลกให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
การปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของจุดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ SAN YI NIAO และ No.1 Smart Buildings
SAN YI NIAO มอบโซลูชันแบบครบวงจรเพื่อชีวิตอัจฉริยะให้กับลูกค้ารายย่อย ในปี 2567 SAN YI NIAO ได้เน้นการผสานเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะเข้าด้วยกันกับเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน เป็นกลยุทธ์เพื่อยกระดับการเติบโตให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น โดยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในด้านจำนวนสาขาที่เป็นจุดจำหน่ายและจำนวนผู้ใช้ประจำวัน โดยใช้ประโยชน์จากความสามารถในการปรับแต่งผลิตภัณฑ์ตามความต้องการลูกค้า ในช่วงสามไตรมาสแรกของปี 2567 SAN YI NIAO มียอดขายปลีกในร้านค้าถึง 8.6 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน ในขณะเดียวกัน จำนวนผู้ใช้งานแอป Smart Home เป็นประจำรายเดือนสูงถึง 10 ล้านคน เพิ่มขึ้นมากกว่า 35% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ในส่วนของธุรกิจ B2B Haier Smart Building ครองอันดับ 1 ของส่วนแบ่งตลาดในสามตลาดหลักในประเทศจีนผ่านผลิตภัณฑ์อัจฉริยะประหยัดพลังงาน เช่น เครื่องปรับอากาศแบบลอยด้วยแม่เหล็ก เครื่องปรับอากาศแบบลอยด้วยลม และระบบปรับอากาศแบบหลายโซนด้วย IoT ตัวอย่างเช่น Haier ครองอันดับ 1 ในจีนด้วยส่วนแบ่งตลาด 58.2% สำหรับเครื่องปรับอากาศแบบลอยด้วยแม่เหล็ก ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับระบบปรับอากาศแบบศูนย์กลางแบบดั้งเดิม หน่วยลอยด้วยแม่เหล็กนี้มีประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานมากกว่า
การเพิ่มผลกำไรด้วยการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัล
อัตราส่วนค่าใช้จ่ายของไฮเออร์ สมาร์ทโฮมได้รับการปรับปรุงให้เหมาะสมขึ้นอีก 0.8% ในช่วงสามไตรมาสแรกของปี 2024 ด้วยการเล็งเห็นโอกาสในประเทศและการเติบโตอย่างต่อเนื่องในต่างประเทศ ทำให้ผลการดำเนินงานของไฮเออร์ สมาร์ทโฮมเติบโตอย่างมั่นคง ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็นสถิติใหม่ โดยเพิ่มจาก 6.31% ในช่วงสามไตรมาสแรกของปี 2566 เป็น 6.62% ในช่วงสามไตรมาสแรกของปี 2567 และเพิ่มขึ้นเป็น 7.47% ในช่วงสามไตรมาสแรกของปีนี้
ไฮเออร์ สมาร์ทโฮมสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้ยังเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล ซึ่งไฮเออร์ได้ส่งเสริมอย่างต่อเนื่องภายในองค์กร โดยมุ่งเน้นไปที่ประสบการณ์ของผู้ใช้ พร้อมทั้งสร้างขีดความสามารถด้านดิจิทัลแบบครบวงจรในด้านต่าง ๆ เช่น การวิจัย การผลิต การจัดหา การขาย และการบริการ รวมถึงการออกแบบแพลตฟอร์มช่วยลดระยะเวลาในกระบวนการวิจัยและพัฒนา การผลิตแบบอัจฉริยะทำให้การผลิตมีต้นทุนต่ำและมีประสิทธิภาพสูง การจัดการคลังสินค้าอัจฉริยะและการส่งสินค้าด้วยยานพาหนะช่วยให้สามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่สั่งซื้อได้ทันเวลา ขณะที่ AI ช่วยให้สามารถรับรู้ความต้องการของผู้ใช้งานได้ทันที
ไฮเออร์มุ่งมั่นที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภค พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตด้วยผลิตภัณฑ์ที่สมาร์ทและทันสมัย และในฐานะบริษัทฯ ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน ไฮเออร์ยังได้เข้าร่วมปฏิบัติแนวทางด้าน ESG โดยในเรตติ้ง ESG ล่าสุดจาก MSCI ไฮเออร์ได้รับคะแนน AA ซึ่งเป็นคะแนนสูงสุดในอุตสาหกรรมในประเทศจีน จากตลาดภายในประเทศสู่ต่างประเทศ ไฮเออร์ สมาร์ทโฮมเติบโตอย่างยั่งยืนในช่วงสามไตรมาสแรกของปี 2567 โดยมีเป้าหมายในการขยายแบรนด์ไปทั่วโลกและลดค่าใช้จ่ายด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพผ่านการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบดิจิทัล