เมื่อ : 08 ธ.ค. 2568


เมื่อเทรนด์สุขภาพ กลายเป็นโอกาส ที่ไม่ใช่แค่เม็ดเงินในการลงทุน แต่เป็นการก้าวไปอีกขั้นของวงการวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต (Life Science) บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด บริษัทในเครือ ปตท. จำกัด (มหาชน) จึงได้จัดงาน Innobic Life Science Business Excellent Move Forum งานสัมมนาครั้งใหญ่ เพื่อประกาศจุดยืนทางธุรกิจ และทิศทางการเติบโตในอนาคต สร้างความมั่นคงทางด้านสุขภาพให้คนไทย

ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และความยั่งยืน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมื่อ 5 ปีที่แล้ว (พ.ศ. 2563) “อินโนบิก” ก่อตั้งขึ้นในฐานะ New S-Curve ของ ปตท. โดยเล็งเห็นว่า ธุรกิจ Life Science เป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์ของโลก และ New S-curve ที่สำคัญสำหรับประเทศไทยที่จะสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี และสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ บนฐานของวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ที่ผ่านมา บริษัทมุ่งสร้าง Ecosystem ของชีววิทยาศาสตร์ ตั้งแต่การวิจัย พัฒนาธุรกิจ และการจัดจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ รองรับการเข้าสู่สังคมสูงวัย และสร้างความมมั่นคงทางด้านสาธารณสุขจนประสบความสำเร็จ

อินโนบิก เราวางจุดยืนของตัวเองที่แตกต่างจากผู้เล่นระดับภูมิภาครายอื่น คือเราให้ความสำคัญกับนวัตกรรมและ  ความร่วมมือกับผู้ผลิต โรงพยาบาล และองค์กรวิจัยต่างๆ เพื่อสร้างข้อได้เปรียบเชิงธุรกิจและความแตกต่างจากคู่แข่ง 
เราเน้นในเรื่องของความรวดเร็วและขนาดของธุรกิจที่แข่งขันได้ นำความรู้ความเชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาสู่ประเทศไทย ผ่านการลงทุนใน บริษัท โลตัส ฟาร์มาซูติคอล จำกัด (Lotus Pharmaceutical Co. Ltd.) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัย พัฒนา ผลิต และจำหน่ายยาของไต้หวัน ที่มีตลาดครอบคลุมในทุกภูมิภาคของโลก จากเงินลงทุนเริ่มต้น ปัจจุบันมูลค่าตลาดได้เติบโตถึง 3 เท่า สะท้อนผลตอบแทนการลงทุน (ROI) ที่ชัดเจน และในปีนี้ Lotus ได้เดินหน้ารุกตลาดผลิตภัณฑ์ยาเฉพาะทางในสหรัฐฯ ผ่านการเข้าซื้อหุ้นใน Alvogen US โดยใช้เงินทุนและเงินกู้ของบริษัทเอง ไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน ทำให้ขนาดของกิจการขยับเป็นบริษัทยา Branded Generics Drug 1 ใน 20 อันดับแรกของโลก  


นับเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้อินโนบิกเข้าสู่แพลตฟอร์มยาครบวงจร เนื่องจากมีพันธมิตรที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และโครงสร้างธุรกิจที่แข็งแรงรองรับด้วย ขณะเดียวกันยังนำยาคุณภาพดีจากในประเทศและต่างประเทศมาช่วยเพิ่มคุณภาพในการรักษา ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว 

 

รวมถึงเทรนด์เทคโนโลยีและสุขภาพ ทำให้เราต้องเร่งพัฒนาตนเอง เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำในอีก 5-10 ปีข้างหน้า ด้วยการสร้างนวัตกรรมที่ทันสมัย ยาที่มีคุณภาพ ในราคาที่จับต้องได้ ทั้งจากในและต่างประเทศ เพื่อทำให้คนไทยเข้าถึงได้ 


“เราเชื่อว่าการอยู่เคียงข้างคนไทย ไม่ได้หมายถึงแค่การเป็นผู้จำหน่ายยา หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเท่านั้น แต่คือการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ด้าน Life Science ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคนได้อย่างยั่งยืนด้วย“ ดร.บุรณิน กล่าว


ด้าน ดร. ณัฐ อธิวิทวัส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด ยังได้ให้มุมมองเพิ่มเติม ถึงการเร่งเครื่องปรับแบรนด์ครั้งใหญ่ โดยเล่าว่า อินโนบิกเริ่มดำเนินธุรกิจในปี 2020 มีทุนจดทะเบียน 13564 ล้านบาท เป็นส่วนหนึ่งของ ปตท. องค์กรด้านพลังงานแห่งชาติ ที่ถือหุ้น 100%  แบ่งเป็น 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจยา กลุ่มธุรกิจโภชนาการเพื่อสุขภาพ กลุ่มธุรกิจการลงทุน และ กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีและนวัตกรรม   

 

การปรับกระบวนทัพครั้งนี้ ก็เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ที่วางไว้ในอีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งเราจะเน้นธุรกิจยา (Pharmaceutical) เป็นแกนหลักในการเติบโต โดยเฉพาะกลุ่มยาสำหรับโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการดำเนินชีวิต อาทิ โรคมะเร็ง และโรคเบาหวาน  ควบคู่กับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยต้องการผลักดันให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง 

 

เราตั้งเป้าเพิ่มการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ให้สูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด เพราะแบรนด์แข็งแรงขึ้นเท่ากับว่าการขยายตลาดและการเติบโตของธุรกิจในระยะถัดไปก็ทำได้รวดเร็วขึ้นด้วยเช่นกัน   จึงเป็นที่มาของการปรับแบรนด์ ที่ไม่ได้เป็นเพียงการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ภายนอก แต่เป็นการยกระดับการดำเนินงานทั้งเชิงกลยุทธ์และเชิงปฏิบัติการ เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของอินโนบิก และสะท้อนความมุ่งมั่นขององค์กรในการก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมสุขภาพของประเทศ 

 

ตอบสนองความต้องการด้านสุขภาพของประชาชน ตั้งแต่การป้องกัน การรักษา ไปจนถึงการฟื้นฟู รองรับการเติบโตในระดับภูมิภาค และเปิดโอกาสร่วมทุนหรือร่วมพัฒนาธุรกิจกับพันธมิตรชั้นนำทั้งในและต่างประเทศด้วย จากธุรกิจพลังงาน ข้ามสายมาสู่ Life Science และการวางตำแหน่งใหม่ในเวทีระดับภูมิภาค

ดร.ณัฐ เน้นย้ำว่า  อินโนบิกกำลังตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางความร่วมมือด้านสุขภาพสำหรับอาเซียนโดยเฉพาะ (Regional Commercial Platform) มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ครบวงจร จนถึงการนำสู่ตลาดเชิงพาณิชย์ ควบคู่กับการแสวงหาโอกาสร่วมลงทุนเพื่อเร่งการเติบโตตามเป้าหมาย และหนึ่งในจุดแข็งที่สร้างความได้เปรียบ คือความสามารถในการเชื่อมโยงพันธมิตรระดับนานาชาติ เรานำความรู้และเทคโนโลยีจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากการลงทุนในบริษัท Lotus Pharmaceutical กลับมาพัฒนาทั้งตลาดไทยและขยายไปยังภูมิภาคอาเซียน สิ่งนี้เอง คือจุดที่ทำให้เราแตกต่างและ
ก้าวได้เร็วกว่า