เมื่อ : 13 ต.ค. 2568

จอห์น วากเนอร์  ก.ก.ผจก.และหุ้นส่วน บอสตัน คอนซัลติ้ง กรุ๊ป (BCG) กล่าวว่า “ผู้บริโภคไทยได้สะท้อนภาพความย้อนแย้งที่น่าสนใจ กล่าวคือ แม้ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับต่ำ แต่ยังคงใช้จ่ายในสินค้าที่ไม่จำเป็นอย่างยืดหยุ่น คล้ายกับพลวัตที่พบในประเทศพัฒนาแล้วและประเทศเพื่อนบ้านเช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งสะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคที่ซับซ้อนและเป็นโจทย์สำคัญที่ธุรกิจสมัยใหม่ต้องเข้าใจและเตรียมรับมือแม้กำลังซื้อจะตึงตัว ทำให้BCG ได้ทำวิจัยล่าสุดเพื่อประเมินภูมิทัศน์ผู้บริโภคไทยการวิจัยนี้มีผู้ตอบแบบสอบถาม 3000 คนทั่วประเทศ ครอบคลุมการสำรวจสถานะทางการเงินของครัวเรือน มุมมองต่อรายได้ หนี้สิน การใช้จ่าย และการออม 

ความเชื่อมั่นโดยรวมและผลต่อการใช้จ่าย

 

จอห์น วากเนอร์ พูดถึงผลวิจัยว่า “ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคไทยต่อเศรษฐกิจยังอยู่ในระดับต่ำ โดยกว่าร้อยละ 60 มองว่าสถานการณ์ปัจจุบัน “แย่” หรือ “แย่มาก” กลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อ  ซึ่งหมายถึงครัวเรือนที่มีรายได้ต่อเดือน 15000 บาทขึ้นไป ยังคงแสดงมุมมองเชิงบวกมากที่สุด ตรงกันข้ามกับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่มีความเชื่อมั่นในระดับต่ำอย่างมากเมื่อเทียบกับทั้งค่าเฉลี่ยประเทศและประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาค” [ข้อมูลเพื่อการอ้างอิง: ระดับความเชื่อมั่นต่อเสถียรภาพทางการเงินส่วนบุคคลของคนไทยอยู่ที่ 39% ใกล้เคียงกับฟิลิปปินส์ (35%) และอินโดนีเซีย (47%) แต่ต่ำกว่าประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในภูมิภาคอย่างจีน (59%) และอินเดีย (61%) อย่างมีนัยสำคัญ]
 

ภูมิทัศน์สินเชื่อ


ด้านนายปราศานต์  เชาดารี ก.ก.ผจก. และหุ้นส่วน BCG กล่าวว่า  “การใช้จ่ายและการกู้ยืมมักเดินควบคู่กันเสมอ หากต้องการเข้าใจผู้บริโภคไทยอย่างครบถ้วน จำเป็นต้องพิจารณาสถานการณ์หนี้ในปัจจุบันควบคู่ไปด้วย ซึ่งราว1ใน3ของครัวเรือนไทย แบกรับหนี้เพื่อการอุปโภคบริโภคมากถึง 80% ของประเทศ (ไม่รวมสินเชื่อที่อยู่อาศัยและการศึกษา) ภาพนี้สะท้อน “ภูเขาหนี้” ขนาดใหญ่ที่กดทับคนกลุ่มน้อยแต่มีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจโดยรวม 


ที่น่าสนใจคือ “กลุ่มลูกหนี้อันดับต้น ๆ” กระจุกตัวอยู่ชัดเจน โดยเกือบ2ใน3เป็นครัวเรือนชนชั้นกลางที่มีรายได้ต่อเดือน 15000–49000 บาท และมียอดหนี้เฉลี่ยสูงกว่าผู้บริโภคไทยโดยรวมถึง 3เท่า การทำความเข้าใจภูมิทัศน์ที่ซับซ้อนของกลุ่มนี้จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทั้งผู้บริโภคและภาคธุรกิจ”