เมื่อ : 22 ก.ย. 2568


ด้านสว.เร่งวางแผนคุม OTT และลดค่าบริการอินเทอร์เน็ตให้ประชาชน ขณะที่ “นพ.เปรมศักดิ์” ทวงความโปร่งใสใช้งบประมาณจัดประชุมวิชาการที่ภูเก็ต กรรมการกสทช.บางคนโยกงบ 7.6 ล้าน จนมีการตั้งกรรมการสอบและยื่นป.ป.ช.

วันที่ 22 ก.ย. ที่อาคารรัฐสภา ศ.คลินิค  นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช. )ได้รายงานผลการปฏิบัติงานของกสทช. ประจำปี 2567 ต่อที่ประชุมวุฒิสภา ตามมาตรา 76  ของพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553


ศ.คลินิค นพ.สรณ ระบุว่า ความผันผวนทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลก ทำให้กสทช.จึงต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับบริบทใหม่ โดยปี 2567 กสทช.มีผลงานรูปธรรม อาทิ การรักษาวงโคจรดาวเทียมของประเทศตำแหน่ง 50.5 องศาตะวันออก การบริหารจัดการคลื่นความถี่เพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล การคุ้มครองผู้บริโภคและผู้ด้อยโอกาส มีบริการเพื่อสังคม  USO (Universal Service Obligation) ทั่วประเทศ เพื่อลดช่องว่างทางดิจิทัล กสทช.ได้ยกระดับการสื่อสารของไทยให้ก้าวหน้าด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ช่วยให้ภาคส่วนต่างๆ ประยุกต์ใช้งาน AI ในระบบสาธารณสุข การศึกษา การเงิน การคมนาคม การผลิต และการสื่อสาร ความท้าทายที่เกิดขึ้นนำไปสู่การกำหนดนโยบายกสทช.ประจำปี 2568-2569 เพื่อบริหารคลื่นความถี่และกำกับดูแลการให้มีประสิทธิภาพ รักษาผลประโยชน์ของประเทศไทยในเวทีโลก

ต่อมา นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล เลขาธิการกสทช. รายงานผลดำเนินงาน อาทิ การประมูลคลื่นคามถี่และสิทธิการใช้งานดาวเทียมต่างๆ โครงการเซลล์บรอดแคสต์ จะเพิ่มช่องทางโทรทัศน์เพื่อเตือนประชาชนให้ครบทุกช่องทาง  ขณะที่ พล.ต.ต.เอกธนัช ลิ้มสังกาศ ประธานกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน กสทช. (กตป.) รายงานว่า ในภาพรวมกสทช.ผลงานดี แต่บางด้านยังล่าช้า มีปัญหากฎหมายซ้ำซ้อน ค่าบริการแพง ขาดการกำกับดูแล OTT และทีวีดิจิทัลที่ใกล้หมดอายุสัมปทาน เร่งปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเชิงรุกมากขึ้น

 

จากนั้น มีวุฒิสมาชิกหลายคนได้อภิปรายแสดงความคิดเห็น เช่น นายพรชัย วิทยเลิศพันธุ์ เห็นว่า กสทช.ควรแก้ปัญหาสัญญาณโรมมิ่งที่ชายแดนทำให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวสูญเงินโดยไม่รู้ตัว และขอให้ลดอำนาจประธานกสทช.กำหนดวาระประชุมบอร์ดทำให้เรื่องคั่งค้างมาก ด้าน ผศ.นพลดล อินนา เป็นห่วงเรื่องตำแหน่งเลขาธิการกสทช.ที่ว่างเว้นถึง 5 ปี มองว่าหากรักษาการเลขาธิการที่มีผลงานดีก็ควรตั้งเป็นเลขาธิการคนใหม่เลย

ด้าน นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว.สายสาธารณสุข อภิปรายถึงการตรวจสอบการใช้งบประมาณจัดงาน Regulatory Network Meeting ของกรรมการกสทช.บางคนที่ต้องการควบคุมสายงานวิชาการ อ้างว่าไปศึกษาดูงาน ณ โรงแรมดุสิตธานี ภูเก็ต เมื่อเดือนธ.ค. 2566 ตั้งงบประมาณ 5 ล้านบาท แต่ถูกบอร์ดทักท้วงและอนุกรรมการงบประมาณ กสทช. ตัดเหลือ 3.2 ล้านบาท สุดท้ายจึงโอนเงินจากส่วนอื่น แล้วลงรายการว่าเป็นค่าใช้จ่ายการทำงานต่างประเทศ ขออนุมัติค่าเครื่องบินชาวต่างชาติ 13 คน ถึง 2.6 ล้านบาท ใช้วิธีเปลี่ยนแปลงหมวดค่าใช้สอย สุดท้ายรวมใช้เงิน 7.6 ล้านบาท เกินกว่าที่ควรจะเป็นถึงเท่าตัว ผู้ได้รับเงินจากต่างประเทศมีความสนิทสนมกับกสทช.คนนั้น และยังให้ที่ปรึกษาตัวเองพร้อมด้วยพนักงานลูกจ้างรวม 50 กว่าคนไปด้วย ทั้งที่บางคนไม่มีส่วนร่วมในการประชุมเลย

 

“เมื่อจัดประชุมที่ภูเก็ต บรรยากาศพาไปจนเกิดการละเมิดทางเพศ แต่กลับถูกปกปิดข่าวและไม่ให้พนักงานรายงานข้อเท็จจริง ต่อมาที่ปรึกษาใกล้ชิดกสทช.คนนั้น ได้ขอลาออก อ้างว่ามีปัญหาสุขภาพ จนถึงวันนี้ยังไม่มีการแสดงความรับผิดชอบ คำถามคือทำไม กตป. ไม่รายงานเรื่องนี้เลย”

 

ต่อมา นายไตรรัตน์ รักษาการเลขาธิการกสทช. ชี้แจงเพิ่มเติมกรณีนี้ว่า ขณะนี้สำนักงานกสทช.ได้ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการสอบวินัยพนักงานแล้ว ถ้ากรรมการกสทช.กระทำผิดก็อาจจะส่งเรื่องมายังสว.หรือ ป.ป.ช. ดำเนินการต่อไป