เมื่อ : 17 ก.ย. 2568


วันที่ 17 ก.ย. ศ.ดร.นฤมล ภิณโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธานเปิดตัวรายงานโครงการ Developing Skills Strategy in Thailand – Country Programme ระยะที่ 2 ระหว่างรัฐบาลไทย กับ The Organization for Economic Co-operation and Development (OECD) โดยย้ำถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลก และขับเคลื่อนประเทศสู่โมเดลเศรษฐกิจใหม่ 

 

พร้อมด้วยผู้แทนจาก OECD สถานเอกอัครราชทูตฟินแลนด์ หอการค้าอังกฤษ เยอรมัน-ไทย ไอร์แลนด์ ผู้แทนสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม หน่วยงานกระทรวงที่เกี่ยวข้อง และผู้ทรงคุณวุฒิ เข้าร่วมงาน  ในการนี้ นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวรายงาน  ที่โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพมหานคร

ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า โลกกำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงในทุกมิติ ทั้งการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัล การเติบโตของปัญญาประดิษฐ์ (AI) การเข้าสู่สังคมสูงวัย และภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ขณะเดียวกัน วิกฤตโควิด-19 ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ประเทศที่มีระบบทักษะและทรัพยากรมนุษย์ที่ยืดหยุ่น มีความสามารถในการเรียนรู้ตลอดชีวิต ย่อมมีความพร้อมในการรับมือและฟื้นตัวได้เร็วกว่า


”รัฐบาลไทย โดยศธ.  จึงมุ่งมั่นที่จะยกระดับคุณภาพการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับ ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และ แผนการศึกษาแห่งชาติ ที่เน้นการสร้างคนไทยให้มี ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ได้แก่ ทักษะดิจิทัล ความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหาเชิงซับซ้อน และความสามารถในการเรียนรู้ตลอดชีวิต”

 

รมว.ศธ. กล่าวต่อไปว่า ประเทศไทยได้ร่วมมือกับ องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ภายใต้กรอบการดำเนินงาน Country Programme ระยะที่ 2 ในโครงการ ”Developing Skills Strategy in Thailand” ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยได้รับการวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านทักษะของกำลังคนในปัจจุบันและอนาคต เพื่อจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายที่ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดแรงงานทั้งในประเทศและระดับสากล จึงมิได้สร้างประโยชน์เฉพาะต่อประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังสามารถเป็นต้นแบบให้แก่ประเทศอื่น ๆ ซึ่งต่างก็เผชิญกับความท้าทายและความเปลี่ยนแปลงในทิศทางเดียวกัน

รมว.ศธ. กล่าวด้วยว่า การพัฒนาระบบทักษะของประเทศไม่อาจสำเร็จได้หากอาศัยการทำงานจากภาคการศึกษาเพียงฝ่ายเดียว แต่ต้องอาศัยการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนอย่างจริงจัง ทั้งภาครัฐที่เป็นผู้กำหนดนโยบาย ภาคเอกชนที่เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ องค์กรวิชาชีพที่กำหนดมาตรฐาน ภาคประชาสังคมที่เสริมสร้างการมีส่วนร่วม รวมถึงสถาบันการศึกษาและองค์กรระหว่างประเทศที่ช่วยถ่ายทอดองค์ความรู้และนวัตกรรม ซึ่งการบูรณาการพลังความร่วมมือจะเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างกำลังคนคุณภาพสูงที่พร้อมเผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆ และสามารถขับเคลื่อนประเทศไปสู่อนาคตที่มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนได้อย่างแท้จริง

 

“การสัมมนาครั้งนี้จะเป็นเวทีสำคัญในการเผยแพร่ข้อค้นพบและข้อเสนอเชิงนโยบายจาก OECD และเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันกำหนดทิศทางการพัฒนาทักษะของประเทศไทยในอนาคต โดยเชื่อมั่นว่าผลลัพธ์จากความร่วมมือครั้งนี้จะนำไปสู่การสร้างระบบทักษะที่เข้มแข็ง เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจฐานความรู้ และสนับสนุนการเติบโตของ BCG Economy เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้แก่ประเทศไทยต่อไป” รมว.ศธ. กล่าว

นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวว่า รัฐบาลไทย โดยสํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ ดําเนินโครงการ Country Programme Phase II ร่วมกับองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ภายหลังการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือเมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2566 ที่สํานักงานใหญ่ OECD กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ภายใต้แผนการดําเนินงานของ OECD ได้พัฒนาข้อเสนอโครงการ Developing Skills Strategy in Thailand ซึ่งอยู่ในกรอบความร่วมมือด้านการสร้างสังคมที่ครอบคลุมและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะด้านการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการได้ให้การรับรองโครงการดังกล่าว 

 

พร้อมกับมีหน่วยงานร่วมเป็นเจ้าภาพ ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน และสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม

 

โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้ต่อสาธารณชนเกี่ยวกับการเสริมสร้างระบบทักษะแห่งประเทศไทย นำเสนอการประเมินจุดแข็งและความท้าทายของระบบทักษะ พร้อมข้อเสนอเชิงนโยบายที่สอดคล้องกับบริบทของประเทศ และเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างผู้แทนภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และองค์การระหว่างประเทศ ตลอดจนกำหนดแนวทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม เพื่อผลักดันข้อเสนอเชิงนโยบายสู่การปฏิบัติจริง 

ด้าน นายแอนดรูว์ เบลล์ รองหัวหน้าศูนย์ทักษะองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) กล่าวว่า ความร่วมมือ OECD–Thailand ภายใต้โครงการ OECD Skills Strategy ได้ทำงานร่วมกับรัฐบาลไทยเพื่อระบุประเด็นนโยบายด้านทักษะที่สำคัญ และพัฒนาข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่เหมาะสม เพื่อเสริมสร้างระบบทักษะของประเทศ ผ่านการวิจัยเชิงเอกสารและการมีส่วนร่วมกับรัฐบาลและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในหลายภาคส่วนตลอดระยะเวลา 19 เดือน ระหว่างปี 2023 ถึง 2025 โครงการนี้ส่งผลให้เกิดข้อเสนอแนะ 20 ประการใน 3 พื้นที่สำคัญที่มุ่งให้ทิศทางเชิงกลยุทธ์ด้านนโยบายสำหรับประเทศไทย โดยเสนอแนะ 3 นโยบายหลัก ได้แก่ นโยบายที่ 1 การเสริมสร้างทักษะของเยาวชนในระบบการศึกษาเริ่มต้น นโยบายที่ 2 การส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ตลอดชีวิตของผู้ใหญ่ และนโยบายที่ 3 การเสริมสร้างการกำกับดูแลระบบทักษะ

 

พร้อมย้ำว่าไทยกำลังเผชิญความท้าทายสำคัญ ทั้งการเข้าสู่สังคมสูงวัย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและเป้าหมาย Net-zero ปี 2065 รวมถึงความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งล้วนต้องการทักษะใหม่ ๆ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง การลงทุนในทักษะ คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศไทยเพิ่มนวัตกรรม ผลิตภาพ และการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ