เมื่อ : 09 ก.ย. 2568

พระราชกรณียกิจในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถพิตร สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์  ครอบคลุมในทุกด้านทั้งแหล่งน้ำ การพัฒนาคุณภาพชีวิต การสาธารณสุข การศึกษา การรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และความมั่นคงของชาติ โดยเฉพาะการพัฒนาแหล่งน้ำปัจจัยหลักในการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพ พระองค์ได้พระราชทานพระราชดำริให้จัดตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริขึ้น จำนวน 6 แห่ง ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ เพื่อเป็นสถานที่ศึกษา วิจัย ทดลอง ภายใต้บริบทภูมิประเทศและภูมิสังคมจนประสบความสำเร็จแล้วขยายผลสู่การนำไปปฏิบัติใช้ของราษฎร


นางสุพร ตรีนรินทร์ เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) กล่าวในโอกาสครบรอบวันสถาปนา 44 ปี ในปี 2568 ของสำนักงาน กปร. ว่า โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่กระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศนั้น มีส่วนสำคัญต่อการเสริมแผนงานต่างๆ ของรัฐบาล ก่อเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ อันเป็นผลจากพระราชกรณียกิจ ในการพัฒนาด้านต่างๆ เพื่อความกินดีอยู่ดีของประชาชน
นับตั้งแต่ปี 2495 เป็นต้นมา 


หลังจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถพิตร เสด็จขึ้นครองราชย์ พระองค์ทรงทุ่มเทพระวรกายเพื่อช่วยเหลือราษฎรอย่างหนักโดยมิได้หยุดหย่อน แนวพระราชดำริในการพัฒนาด้านต่างๆ ผ่านโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ทั้งโครงการที่ทรงมีพระราชดำริโดยตรง จากที่ราษฎรขอพระราชทานความช่วยเหลือและหน่วยงานต่างๆ ขอพระราชทานเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ มีการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง จวบจนปัจจุบันได้รับการสืบสาน รักษา ต่อยอดจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศ์ จึงมีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องรวม 5201 โครงการ 


สำนักงาน กปร. ได้ดำเนินงานพัฒนาต่อยอดโครงการต่างๆ ให้เกิดประโยชน์ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมให้เกิดความยั่งยืน ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เช่น การพัฒนาด้านแหล่งน้ำก็จะดำเนินการควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กลางน้ำก็เป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ปลายน้ำเป็นการพัฒนาอาชีพ 

นอกจากนี้เรายังมีโครงการความร่วมมือต่างๆ เพื่อสนับสนุนการขยายผลตลอดจนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ โดยในช่วงปี 2567 - 2568 ได้จัดทำบันทึกข้อตกลง (MOU)  ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เช่น มูลนิธิชัยพัฒนา มูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด  และมหาวิทยาลัยมาเลเซียแห่งรัฐกลันตัน รวมถึงการขยายผลการพัฒนาและถ่ายทอดองค์ความรู้ไปสู่กลุ่มเยาวชน ผ่านโครงการค่ายเยาวชนรู้งานสืบสานพระราชดำริ หรือ RDPB Camp ที่ได้จัดมาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี และในปี 2568 จัดขึ้นเป็นรุ่นที่ 15  แล้ว 

พร้อมกันนั้น ได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) จัดทำโครงการความร่วมมือเพื่อขยายผลองค์ความรู้การพัฒนาตามแนวพระราชดำริสู่เยาวชน เพื่อเผยแพร่ขยายผลไปยังโรงเรียนบริเวณพื้นที่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และในพื้นที่ห่างไกล ผ่านนิทรรศการเคลื่อนที่ในรูปแบบ ”Play and Learn” ที่นำเสนอองค์ความรู้และความสำเร็จตามแนวพระราชดำริ ในรูปแบบสื่อและอุปกรณ์มัลติมีเดียแบบอินเทอร์แอคทีฟ (Interactive Multimedia) โดยองค์ความรู้ต่างๆ ได้ถูกนำมาบรรจุผ่านสื่อจากรถโมบายให้แก่นักเรียนโรงเรียนในพื้นที่กลุ่มเป้าหมายซึ่งได้ดำเนินการแล้ว  28 ครั้ง มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 1632 คน 


นอกจากนี้ยังมีการฝึกอบรมหลักสูตรนักบริหารการพัฒนาตามแนวพระราชดำริ (นบร.) และหลักสูตรนักพัฒนาตามแนวพระราชดำริ (พพร.) ในการสร้างเครือข่ายขับเคลื่อนการพัฒนาตามแนวพระราชดำริและปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เสริมสร้างเอกลักษณ์คน กปร. ตัวคูณ ปัจจุบันหลักสูตร นบร. อบรมแล้ว 13 รุ่น และ หลักสูตร พพร. 12 รุ่น ปีหนึ่งมีผู้เข้ารับการอบรมประมาณ 100 คน  ซึ่งจะเป็นคน กปร. ตัวคูณ ที่จะช่วยขยายผลโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างกว้างขวางยิ่งขึ้นต่อไป

การพัฒนายกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ให้ได้รับการอนุญาตขึ้นทะเบียนจดแจ้งตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)  กระทรวงสาธารณสุข โดยเริ่มมาตั้งแต่ปี 2567 ได้ขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์แล้วมากกว่า 113 รายการ เป็นผลิตภัณฑ์จากศูนย์ศึกษาการพัฒนา 6 แห่ง และศูนย์สาขาอีก 19 แห่ง เป็นการยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์และขยายช่องทางจำหน่ายเข้าสู่ห้างสรรพสินค้าและโมเดิร์นเทรด ควบคู่กับการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้กว้างขึ้น ตอบสนองต่อวิถีชีวิตยุคใหม่


ขณะเดียวกัน ยังได้ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย จัดทำคู่มือการบริหารจัดการโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเชิงพื้นที่ด้วยกระบวนการ One Plan มาสนับสนุนการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ให้ตรงตามความต้องการของราษฎรและสร้างการมีส่วนร่วม เกิดกลไกการขับเคลื่อนที่ชัดเจนทั้งด้านการวางแผนและการดำเนินโครงการ 


“ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ในโอกาสครบรอบวันสถาปนา 44 ปี สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในฐานะหน่วยงานภาครัฐที่ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลาง ในการประสานกำกับดูแล และติดตามผลการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริกับส่วนงานที่ร่วมสนองงาน ขอสืบสานพระราชปณิธานด้วยความจงรักภักดี และจักมุ่งมั่นเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท เพื่อร่วมกันพัฒนาและสรรค์สร้างสังคมไทยให้มีความเจริญ ด้วยก้าวย่าง อย่างก้าวหน้า สืบสาน รักษา ต่อยอด เพื่อความมั่นคง ของสังคมไทยสืบไป” เลขาธิการ กปร. กล่าว

ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ