บพข. เดินหน้า ‘ติดปีกอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ไทย’ ชูทุนวิจัย-นวัตกรรม เชื่อมภาครัฐและเอกชน ลดต้นทุน-มุ่งสู่ Green Logistics

อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของไทยมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง แต่ยังเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน ทั้งแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีต้นทุนด้านโลจิสติกส์ที่สูงถึง 13.9% ในปี 2565 และพึ่งพาการขนส่งทางถนนมากเกินไปถึง 85% ประกอบกับช่องว่างด้านทักษะดิจิทัลของบุคลากร (Digital Gap) โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs
หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ตอกย้ำภารกิจสำคัญในการสนับสนุนทุนวิจัยเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ไทย จัดงานสัมมนา “ติดปีกโลจิสติกส์ไทย เชื่อมวิจัยสู่ธุรกิจด้วยทุน บพข.” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงาน TILOG-LOGISTIX 2025 ณ ไบเทค บางนา เพื่อเป็นเวทีเชื่อมโยงนักวิจัย ภาคเอกชน และหน่วยงานภาครัฐ พร้อมผลักดันงานวิจัยและนวัตกรรมสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ ท่ามกลางความท้าทายของเศรษฐกิจโลกและเทรนด์ Green Logistics ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ
รศ.วงกต วงศ์อภัย รองผู้อำนวยการ สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) และ อนุกรรมการแผนงานกลุ่มโลจิสติกส์และระบบราง บพข. กล่าวว่า ”จากการสำรวจของกระทรวง อว. พบว่าในช่วงปี 2025-2030 ภาคอุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์มีความต้องการกำลังคนทักษะสูงกว่า 400000 คน ซึ่งมากกว่าอุตสาหกรรมอื่นอย่างมีนัยสำคัญกระทรวง อว. จึงได้วางหมุดหมายในการขับเคลื่อนซัพพลายเชนของไทยในทุกมิติ โดยมีโจทย์สำคัญ 2 ด้าน คือ การลดต้นทุน (Minimize Course) และการลดปริมาณคาร์บอน (Minimize Carbon) เพื่อสอดรับกับเทรนด์ความยั่งยืนโดยมี บพข. เป็นหน่วยงานหลักที่สนับสนุนทุนวิจัยและนวัตกรรมที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงและต่อยอดในอุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์ของประเทศได้ในวงกว้าง”

เจาะลึกกรอบการวิจัยและเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ ปี 2569-2574
ดร.ธรรมนูญ เฮงษฎีกุล อนุกรรมการแผนงานกลุ่มโลจิสติกส์และระบบราง บพข. ได้เปิดเผยถึงเป้าหมายและกรอบการวิจัยด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ของประเทศไทย (พ.ศ. 2569–2574) โดยชี้ว่าที่ผ่านมา (ปี 2564-2568) บพข. ได้สนับสนุนโครงการวิจัยในกลุ่มนี้ไปแล้วกว่า 70 โครงการ
สำหรับเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญของ บพข. ในด้านโลจิสติกส์ ประกอบด้วย:
• ลดต้นทุนโลจิสติกส์ ให้ต่ำกว่า 12% ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13
• เพิ่มสัดส่วนการขนส่งทางราง ให้มากกว่า 10% ภ
• ยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการ โดยใช้ตัวชี้วัดด้าน Productivity และการปรับใช้ระบบอัตโนมัติ (Automation Adoption)
• พัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลต้นแบบ เช่น AI-Based Forecast และ Blockchain มาใช้งานให้มากขึ้น
• ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยใช้ Carbon Intensity และ Emission Factor เป็นตัวชี้วัด
กรอบการวิจัยใหม่มุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรม 7 ด้านสำคัญ ได้แก่ ระบบขนส่งอัจฉริยะ (Smart Transport) คลังสินค้าอัจฉริยะ (Smart Warehousing) นวัตกรรมระบบรางและการขนส่งต่อเนื่อง (Rail and Intermodal) โครงสร้างพื้นฐานโลจิสติกส์ โลจิสติกส์เฉพาะทาง โลจิสติกส์สีเขียว (Green Logistics) และนโยบายสนับสนุนเชิงสถาบัน

เสียงสะท้อนจากความสำเร็จของผู้รับทุน
ศ.ดร.กาญจนา เศรษฐนันท์ อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น นักวิจัยผู้รับทุนจาก บพข. กล่าวว่า ”โครงการที่ประสบความสำเร็จคือการพัฒนาแพลตฟอร์มจัดการระบบโลจิสติกส์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขนถ่ายสินค้าเทกอง ซึ่งสามารถลดต้นทุนและระยะเวลาได้อย่างเป็นรูปธรรม หัวใจสำคัญในการขอทุนคือ นักวิจัยต้องร่วมมือกับผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ และต้องมั่นใจว่าโครงการวิจัยนั้นสามารถตอบโจทย์ปัญหา (Pain Point) โดยเฉพาะการลดต้นทุนและเพิ่มรายได้ให้ภาคธุรกิจได้จริง”

คุณก้องกิติ ลิ่วเจริญชัย จากบริษัท แซดพีเอส คอร์เปอเรชั่น จำกัด ผู้ร่วมทุนวิจัย กล่าวเสริมว่า ”ทุนจาก บพข. เข้ามาปิดช่องว่างและเติมเต็มความต้องการของผู้ประกอบการได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในช่วงที่บริษัทต้องการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เราได้พัฒนาแพลตฟอร์มเปรียบเทียบการขนส่งระหว่างประเทศ ซึ่งช่วยให้ผู้นำเข้า-ส่งออกลดต้นทุนโลจิสติกส์ได้จริง 5-10% และกำลังต่อยอดสู่ Marketplace พร้อมระบบ AI Recommendation เพื่อให้ผู้ประกอบการเลือกระบบขนส่งที่เหมาะสมที่สุด”
บพข. มุ่งมั่นที่จะผลักดันให้เกิดการใช้ประโยชน์จากงานวิจัยอย่างแท้จริง พร้อมเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างนักวิจัย ภาคธุรกิจ และหน่วยงานภาครัฐ เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนและสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล

