วช.-มูลนิธิอ.สุกรี เจริญสุข จับมือ”อบจ.ลำปาง”และชุมชน จัดประลองยอดเยาวชนดนตรี ร.ร.ยุพราชฯคว้าที่1 ภาคเหนือ

รองผอ.วช.ชื่นชมวงดนตรีเยาวชนเข้ารอบชิงระดับภูมิภาค นายกอบจ.ปลื้มกิจกรรมคึกคักทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม ชาวบ้านขายสินค้าได้ เงินสะพัดในชุมชน รศ.ดร.สุกรี เจริญสุข ชู”ลำปางโมเดล” ใช้รูปแบบออดิชั่นสดๆ เผยปีนี้มีวงดนตรีสมัครมากสุดถึง 40 วงทั่วประเทศ มั่นใจถ้าท้องถิ่นร่วมมือดนตรีพื้นบ้านรุ่งแน่นอน
นางเสาวนีย์ มุ่งสุจริตการ รองผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) กล่าวตอนหนึ่งในการเป็นประธานเปิดกิจกรรม“การประลองยอดฝีมือเยาวชนดนตรีระดับภาค ภาคเหนือ” โครงการวิจัยดนตรีประจำชาติบนความแตกต่าง ความหลากหลาย และอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข จัดโดยมูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข วช. และองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)ลำปาง เมื่อเร็วๆนี้ ที่ไร่ผดุงธรรม ต.บ้านค่า อ.เมือง จ.ลำปาง ว่า ได้รับมอบหมายจากดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผอ.วช. มาทำหน้าที่เปิดงาน ซึ่งงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพทางดนตรีของเยาวชน ให้มีเวทีแสดงความสามารถ เสริมสร้างเครือข่ายระหว่างชุมชน โรงเรียน มหาวิทยาลัย ครู นักศึกษา นักเรียน ผู้มีใจรักในดนตรีจากทั่วภาคเหนือ

“ขอแสดงความยินดีกับเยาวชนทุกคนที่ผ่านเข้ารอบมาถึงเวทีระดับภาคในวันนี้ ถือเป็นความสำเร็จอันน่าภาคภูมิใจที่เกิดจากความมุ่งมั่น ขยันฝึกซ้อม ขอให้ทุกคนใช้โอกาสนี้ในการเรียนรู้ แลกเปลี่ยน และพัฒนาตนเองอย่างเต็มที่”นางเสาวนีย์ กล่าว
สำหรับ“การประลองยอดฝีมือเยาวชนดนตรีระดับภาค ภาคเหนือ”มีวงดนตรีผ่านการคัดเลือกมา 6วง ดังนี้ วงส้มป่อย วงล้านนาสมัย วงThe Progressive วงบ่าเขือส้ม วงนัวร์ และวงกัลยาณีศรีล้านนา

บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างคึกคัก โดยจัดตั้งแต่วันที่ 6-8 มิ.ย.ที่ผ่านมา พร้อมเชิญศิลปินภาคเหนือ โรงเรียน องค์กรและหน่วยงานต่างๆในจังหวัดลำปางและพื้นที่ภาคเหนือมาร่วมงานด้วย มีการจัดกิจกรรมหลากหลาย อาทิ ตลาดนัดคุณธรรม ตลาดนัดวัฒนธรรม มีการนำเสนออาหารพื้นเมืองและผ้าทอพื้นเมือง การเปิดสอนศิลปะแขนงต่างๆทั้งวาดรูปและการทำผ้าย้อมครั่ง มีการแสดงวงดนตรีพื้นบ้านของโรงเรียนต่างๆ อย่างเช่น การแสดงฟ้อนรำของโรงเรียนบ้านทุ่งกล้วย การแสดงขอ วงเสน่ห์กาหลง และ วงเดอะสะล้อของครูแอ๊ด”ภานุทัต อภิชนาธง” ศิลปินพื้นบ้านภาคเหนือ ที่พิเศษคือ”วงปล่อยแก่นครลำปาง”มาขับร้องเพลงประสานเสียงให้ฟังกันด้วย
รวมทั้งมีบรรดาพ่อค้าแม่ค้าและเกษตรกรในชุมชนนำผลิตภัณฑ์ต่างๆมาจำหน่ายด้วย ขณะที่ผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านต่างๆในจ.ลำปาง พากันมานั่งชมการแสดงพร้อมด้วยบุตรหลาน อีกทั้ง 8 หมู่บ้านในตำบลบ้านค่า ยังได้จัดชุดแสดงต่างๆมาร่วมโชว์ในงานด้วย

น.ส.ตวงรัตน์ โล่ห์สุนทร นายกอบจ.ลำปาง กล่าวว่า กิจกรรมงานประลองยอดฝีมือเยาวชนดนตรีพื้นบ้านร่วมสมัย อบจ.ลำปาง จัดร่วมกับ มูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข และภาคีเครือข่ายต่างๆ หลายภาคส่วน เช่น วัฒนธรรมจังหวัด รวมทั้งในภาคเอกชน ภาคราชการ ทุกภาคส่วนที่มาร่วมกัน เพื่อให้เด็กลำปางมีโอกาสแสดงฝีมือ มีเวทีสร้างประสบการณ์ เหตุที่มาเน้นเรื่องดนตรีพื้นบ้านร่วมสมัยเพราะอยากอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีดนตรีพื้นบ้าน ซึ่งนับวันจะหายไป สมัยก่อนวงดนตรีพื้นบ้านของลำปางอย่างวงซอ สามารถทำเป็นอาชีพได้ ไปเล่นตามงานมงคลและอวมงคลต่างๆ แต่สมัยนี้คนรุ่นใหม่ๆ ไม่ค่อยมี คนรุ่นเก่าๆก็อยู่ไม่ค่อยได้เพราะไม่ค่อยมีงาน จึงต้องมาเน้นที่เด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่จะเติมเข้ามา
อย่างไรก็ตามถ้าเป็นวงดนตรีแบบพื้นบ้านจริงๆ การอนุรักษ์แบบดั้งเดิม อาจไม่สามารถเข้าถึงเด็กรุ่นใหม่ได้มากนัก จึงต้องนำมาผสมผสานให้มีความร่วมสมัยมากขึ้น เพื่อจะได้เข้าถึงเด็กรุ่นใหม่ให้มาสนใจ เผื่อในอนาคตอาจประกอบอาชีพเป็นนักดนตรีได้ อย่างครูแอ๊ด ภานุทัต อภิชนาธง เจ้าของวงเดอะสะล้อ ซึ่งเป็นวงดนตรีพื้นบ้านร่วมสมัยที่มีความโดดเด่นมีชื่อเสียง สามารถสร้างอาชีพได้โดยตรง จึงอยากจะให้เด็กลำปางได้มีโอกาสอย่างนี้บ้าง

“กิจกรรมดังกล่าวมีวงดนตรีเข้าร่วมประกวด 9 วง โดยไม่ได้จำกัดความคิดสร้างสรรค์ น้องๆ สามารถแสดงออกความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองได้เต็มที่ นำดนตรีประเภทต่างๆ ทั้งโฟลค์ ร็อค ป็อป มาผสมผสานกันได้หมดเลย ฉะนั้นจะเห็นความแตกต่าง อย่างไรก็ดีเรื่องสำคัญไม่ได้อยู่ที่ลำดับ หรือรางวัลที่ใครจะได้ แต่คือการมีส่วนร่วมของเด็กๆ ได้มีโอกาส มีเวทีให้ได้แสดงออกมากกว่า”น.ส.ตวงรัตน์ กล่าว และว่า เห็นการจัดงานแบบนี้แล้วชอบเพราะทำให้คนในชุมชนได้ขายของ มีรายได้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน เลยได้คุยกับทางเจ้าของไร่ผดุงธรรม อยากให้ทางไร่จัดเป็นตลาดนัดชุมชน เนื่องจากสถานที่หมาะสมร่มรื่นดี
ด้าน รศ.ดร.สุกรี เจริญสุข ประธานมูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข กล่าวว่า กิจกรรมประลองยอดฝีมือเยาวชนดนตรี ในภาคเหนือครั้งนี้ เป็นไปตามเป้าหมายทุกประการ และที่เหนือไปกว่านั้นเป็นกำไร คือมีการคัดเลือกการแสดงสดในพื้นที่ ซึ่งลำปางเป็นที่แรกที่เกิดขึ้นเป็น”ลำปางโมเดล”เพราะได้รับความร่วมมืออย่างดีมากจาก อบจ.ลำปาง และองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)บ้านค่า รวมทั้งจากชุมชน ถือว่าเกินความคาดหมายด้วยซ้ำไป เป็นเรื่องที่คุ้มค่ามาก
รศ.ดร.สุกรี กล่าวอีกว่า ในระดับประเทศมีวงดนตรีสมัครเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 40 วง มากกว่าครั้งที่ 1 สมัคร 21 วง ครั้งที่2 สมัคร 26 วง ส่วนครั้งที่3 นี้ สมัคร 31 วง บวกกับวงที่มาออดิชั่นสดๆในพื้นที่จ.ลำปางอีก 9 วง เป็น 40วง เป็นการสมัครมากที่สุด ส่วนหนึ่งมาจากการปรับเปลี่ยนรูปแบบกิจกรรม โดยคัดเลือกจากระดับภาคมาก่อนทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสานและภาคใต้ แล้วค่อยมาคัดเลือกในระดับประเทศ แตกต่างจาก 2 ครั้งก่อนที่ใช้กรุงเทพเป็นศูนย์กลาง ส่งผลให้ได้วงดนตรีจากภาคต่างๆน้อยมาก วงดนตรีจากภาคกลางและในกรุงเทพจึงเป็นพระเอก

“ลำปางโมเดลเป็นรูปแบบความร่วมมือจากชุมชนที่ดีมาก หากภูมิภาคอื่นๆ จังหวัดอื่นๆ เกิดขึ้นแบบนี้ โดยอบต.-อบจ. เข้ามามีส่วนร่วม ดนตรีท้องถิ่นจะรักษาไว้ได้ เพราะเป็นมรดกทางวัฒนธรรม จะทำอย่างไรให้ดนตรีเหล่านั้นมีมูลค่า มีคุณค่ากับสังคม เหมือนนำน้ำพริกของแม่มาใส่ในจานหยกแล้วนั่งกินที่โรงแรมโอเรียนเต็ล คือหมายถึงทำเรื่องกระจอกๆ ให้โลกรู้จัก วิธีแบบนี้สามารถค้นหาสิ่งดีๆ ในชุมชนได้ เพราะช้างเผือกมักอยู่ในป่า”รศ.ดร.สุกรี กล่าว
ประธานมูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข กล่าวต่อว่า ผลการประลองครั้งนี้ ผลปรากฏว่าวงดนตรี”ล้านนาสมัย”ของโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จ.เชียงใหม่ คว้ารางวัลชนะเลิศ ภาคเหนือ และเข้าไปแข่งขันในระดับประเทศ ส่วนวงดนตรี”กับนา”ของโรงเรียนลำปางกัลยาณี ได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1
นายเยี่ยม คำปวนบุตร นายกบต.บ้านค่า อ.เมือง จ.ลำปาง กล่าวว่า การจัดกิจกรรมประลองยอดฝีมือเยาวชนดนตรีพื้นบ้านร่วมสมัยนี้ดีมาก มีความหลากหลาย ขณะเดียวกันก็ต้องรักษาดนตรีพื้นเมืองเพื่อให้ลูกหลานที่มารุ่นหลังได้รู้ว่ามีอะไรบ้าง เป็นการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามของคนเหนือ นอกจากนี้ยังสร้างเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้กับชุมชนด้วย รวมทั้งชาวบ้านเองก็ได้มามีส่วนร่วมในการแสดงด้วย ได้เห็นความสามัคคีกันของทั้ง 8 หมู่บ้านที่มาร่วมรำและเต้นในงานนี้อย่างมีคามสุข จึงอยากให้จัดกิจกรรมแบบนี้อีก เยาวชนแองก็ชอบได้มาดูงานศฺลปวัฒนธรรม คนไม่เคยรู้ไม่เคยเห็นมาก่อน มาเห็นตรงนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เป็นโอกาสที่ดี สถานที่ก็ใกล้บ้าน พ่อแม่ผู้ปกครองพาลูกหลานมาสะดวก
ผศ.ดร.ผดุง พรมมูล เจ้าของไร่ผดุงธรรม กล่าวว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้ มีองค์กรปกครองท้องถิ่นมาร่วม
ร่วมคิดร่วมสนับสนุน ทั้งระดับอบต. อบจ. และองค์กรต่างๆในจังหวัด โดยร่วมไม้ร่วมมือคนละนิดคนละหน่อย เพราะเห็นประโยชน์ร่วมกัน ทุกคนมาด้วยความสบายใจ ชาวบ้านชุมชนก็มีความสุขกับการได้ดูได้ฟังดนตรีพื้นบ้านได้ขายของ ถือเป็นความสำเร็จของงาน เป็นตัวชี้วัดที่ดี เท่าที่สอบถามคนในชุมชนและหน่วยงานต่างๆอยากให้จัดงานลักษณะแบบนี้อีก
“ผมมองว่าการทำให้ศิลปะเข้าถึงชาวบ้านแบบเรียบง่ายคือวิธีอย่างนี้แหละ ไม่ต้องทำเป็นคอร์สอบรมเป็นหลักสูตร หรือสอนอะไรต่างๆ แต่ให้อยู่กับการแสดง อยู่กับวิถีชีวิตกับสิ่งที่เขาสัมผัสได้อย่างเสรี ตั้งแต่เด็กจนถึงคนแก่ ให้เขาได้เรียนรู้ทั้งดนตรี ศิลปะ งานหัตถกรรม งานสังคม และวัฒนธรรมพื้นบ้าน ซึ่งเป็นสายธารแห่งชีวิตที่จะไปสู่โลกอนาคต“ ผศ.ดร.ผดุง กล่าว
ทางด้านนายเตชินท์ มาลีเศษ หัวหน้าวงดนตรี”ล้านนาสมัย” กล่าวว่า รู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้รางวัลที่ 1 เพราะไม่ได้หวังขนาดนั้น เพลงที่นำมาแสดงคือเพลงเสเลเมา โดยนำเครื่องดนตรีภาคเหนืออย่างสะล้อมาผสมผสานกับดนตรีสากล พวกกลองและกีตาร์ จุดเด่นอยู่ที่การผสมผสานกันแบบลงตัว ส่วนจุดอ่อนที่กรรมการตัดสินระบุคือเรื่องเสียงของซึง จะนำไปปรับแก้ให้ชัดมากหรือตรงคีย์มากขึ้น
ทั้งนี้เวทีการประลองยอดฝีมือเยาวชนดนตรีระดับภาค ภาคอีสาน จะจัดในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ ที่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จ.มหาสารคาม
#สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) #มูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข วช. และองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)ลำปาง#